Authority & Harm

ตร.ภาค3รับแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ สามารถยึดของกลางได้กว่า2แสนเม็ด



นครราชสีมา-ตำรวจภาค 3 รวบแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่รวมของกลางยาบ้ากว่า 2 แสนเม็ดพร้อมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

วันนี้ 6 พฤศจิกายน 2563 พล.ต.ท.เพิ่มพูน  ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป3) พร้อมด้วยพล.ต.ท.ภาณุรัตน์  หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย รอง ผบช.ภ. 3(หน.ปส), พล.ต.ต.ไพศาล  ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.3 (ผช.ปส 1) และ พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ รอง ผบช.ภ.3 (ผช.ปส 2) พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด โชว์ผลงานจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่บริเวณ ด้านหน้าอาคารศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3  ตำบลจอหอ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์   แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำนโยบายรัฐบาลมาเป็นแนวทางในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวสู่การปฏิบัติทุกพื้นที่

โดยพฤติการเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 เวลาประมาณ 14.10 น. เจ้าหน้าที่ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ร่วมกับ ตชด.215ฝ่ายปกครองอำเภอสตึก ตรวจยึดยาบ้าจำนวน 115 มัด จำนวนประมาณ 230,000 เม็ด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนติดตามขยายผลจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่อำเภอสตึก  จนทราบว่านายแบงค์  กองรัมย์  หรือฉายาสิงห์เสม็ด เป็นผู้ค้ารายใหญ่ และนำยาบ้ามาจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์  สุรินทร์ ครั้งละจำนวนมาก จนสามารถติดตามจับกุมตัวนายแบงค์ฯ ได้ จากการสืบสวนขยายผลทราบว่า นายแบงค์ฯ รับยาบ้ามาจำนวน 149 มัด จากชาวลาว และนายแบงค์ฯ รับว่ายาบ้ายังเหลืออยู่  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้วางแผนสืบสวนขยายผล และตรวจยึดยาบ้าจำนวนดังกล่าวได้ที่บริเวณทางเข้าป่าอ้อย หมู่ 6 ต.สนามชัย  อ.สตึก  จ.บุรีรัมย์ ต่อมาชุดจับกุมได้วางแผนสืบสวนขยายผล เพื่อทำลายจับกุมกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าว ใน เขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์  ได้เพิ่มเติมจำนวน  7  จุด  จับกุมผู้ต้องหา 11 ราย 

ตรวจยึดทรัพย์สิน ตาม  พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นรถจักรยานยนต์ จำนวน 8 คัน (บิ๊กไบค์ 8 คัน)ราคาประมาณ 520,000 บาท รถยนต์ จำนวน 2 คัน ราคาประมาณ 700,000บาท วัว จำนวน 7 ตัว ราคาประมาณ 350,000 บาท รวมตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ. มาตรการฯ  จำนวนประมาณ 1,570,000  บาท จับกุมผู้ต้องหา 8 ราย ผู้ต้องหา 12 คน ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา