Automotive info

เปิดใจ 'มร.ทาดาชิ มิอุระ' ปธ.บห.มาสด้า 'ไม่มีใครประสบความสำเร็จโดยลำพัง'



กรุงเทพฯ – ประเทศไทย – 21 มิถุนายน 2565 – การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากแดนอาทิตย์อุทัยเพื่อเข้ามารับตำแหน่ง ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัดถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่ผู้คนทั่วโลกต่างกำลังเผชิญกับวิกฤตอันยาวนานจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ท่ามกลางภาวะความตึงเครียดจากสงครามทางการค้าระหว่างประเทศและภาวะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะการขาดชิ้นส่วนสำหรับการผลิตรถยนต์ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง วันนี้เรามาเจาะลึกเปิดใจกับประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย มร.ทาดาชิ มิอุระ ผู้ที่คร่ำหวอดและโลดแล่นอยู่ในตลาดรถยนต์มาแล้วทั่วโลกลงหลักปักหมุดมายังประเทศไทยซึ่งถือเป็นโจทย์สำคัญเพื่อที่จะผลักดันแผนพัฒนาธุรกิจมาสด้าให้เดินหน้าบรรลุตามวัตถุประสงค์กับเป้ายอดขายที่ตั้งไว้สูงถึง 45,000 คัน

มร. ทาดาชิ มิอุระ เริ่มต้นทำงานกับ มาสด้า มอเตอร์ มายาวนานกว่า 30 ปี สั่งสมประสบการณ์ต่างๆ มากมายโดยเฉพาะในด้านการขาย การตลาด และด้านการวางแผนกลยุทธ์ให้กับหลายๆ ตลาดในต่างประเทศก่อนที่จะเข้ามาทำงานที่มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย เคยดูแลรับผิดชอบหลายตลาดในต่างประเทศ เช่น ยุโรปอเมริกาเหนือ โอเชียเนีย รัสเซีย และอื่นๆ ก่อนที่จะเดินทางมาที่ประเทศไทย คือ มาสด้า ไต้หวันและวันนี้ได้มาประจำการพร้อมเดินหน้าต่อยอดสร้างแบรนด์มาสด้าสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

 ความแตกต่างของคนทำงานในแต่ละประเทศผู้คนจากต่างวัฒนธรรมก็จะมีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาก็มีสิ่งที่คล้ายคลึงกันด้วยเช่นกันในประเทศไทย ผมสัมผัสได้ว่าคนที่นี่ทำงานหนักเพื่อบริษัท มีหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองทำงานเป็นทีม ให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งคนญี่ปุ่นก็มีลักษณะเช่นนี้เหมือนกันแต่ในขณะเดียวกัน คนไทยก็จะมีความเป็นปัจเจกบุคคลสูงกว่าคนญี่ปุ่นและจดจ่อกับหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองผมต้องการนำข้อดีทั้งสองวัฒนธรรมนี้มาประยุกต์ทำให้เป็นการทำงานแบบ Mazda Way

 พร้อมนำความรู้ประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานในตลาดต่างประเทศมาต่อยอดข้อได้เปรียบจากการทำงานในหลายตลาด ในหลายประเทศทำให้ผมได้เห็นความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และดีลเลอร์ และทำให้ได้ความรู้มากยิ่งขึ้นรวมถึงวิธีการในการตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนเหล่านี้ มากกว่าการทำงานแค่เพียงประเทศเดียวซึ่งทำให้ผมสามารถนำความรู้ ตัวอย่างที่ดีๆ จากตลาดหนึ่งมาปรับใช้กับอีกตลาดหนึ่งในทุกประเทศลูกค้ามีความคาดหวังกับแบรนด์มาสด้าค่อนข้างสูง ซึ่งดีต่อพวกเราผมจะนำเอาความคิดริเริ่มสร้างสรรสิ่งใหม่ๆ มาใช้ให้มากที่สุด ซึ่งความคิดต่างๆ เหล่านี้ผมได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมานำมาใช้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าเพื่อยกระดับแบรนด์มาสด้าในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ หลังจากที่เพิ่งเปิดโปรเจค CPO ไปเมื่อเร็วๆ นี้

 เปิดวิสัยทัศน์และปรัชญาในการทำงานผมเกิดที่เมืองฮิโรชิมา หลายคนพูดกันว่า คนฮิโรชิมา เป็นคนที่มีความกระตือรือร้น มองโลกในแง่ดีเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมเกิดและเติบโตที่ฮิโรชิมา ดังนั้น ผมจึงมีลักษณะพวกนี้อยู่ในตัวเป้าหมายสูงสุดของผม คือ การมอบความสุขให้กับผู้คน ซึ่งผู้คน หมายถึง ลูกค้า ดีลเลอร์และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนด้วยสิ่งเหล่านี้ ผมต้องการที่จะทำให้ผู้คนมีความสุข ด้วย One Team และ Omotenashi Spirit เริ่มจากOne Team ทีมเวิร์ค คือสิ่งที่สำคัญมาก คนเราไม่สามารถทำอะไรโดยปราศจากการสนับสนุนจากผู้อื่นได้ทีมเวิร์คจะนำมาซึ่งโอกาสในการแลกเปลี่ยนไอเดีย และสร้างความแข็งแกร่งให้แต่ละคนเพื่อการทำงานเต็มประสิทธิภาพ ภายใต้เป้าหมายเดียวกัน สอง Omotenashi spiritคือปรัชญาที่ผมอยากให้ทุกคนในทีมจดจำไว้เสมอ ซึ่งสิ่งนี้ ไม่ใช่แค่จิตวิญญาณแห่งการต้อนรับเท่านั้นแต่เป็นการทำให้ทุกคนยิ้มได้ ด้วยสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ผมทราบดีว่า เป็นสิ่งที่ยากที่จะทำให้สำเร็จแต่เราไม่เพียงแค่อยากทำให้ลูกค้าพึงพอใจเท่านั้น แต่หมายถึงการมอบสิ่งที่เหนือความคาดหมายไม่ใช่เพียงแค่การบริการที่เสร็จสมบูรณ์ แต่เราต้องการให้ลูกค้าประหลาดใจไม่ใช่เพียงแค่ความสบายใจของลูกค้า แต่เราต้องการนำมาซึ่งความเชื่อมั่นไม่ใช่เพียงแค่นำมาซึ่งความสุข แต่คือ ความอบอุ่นผมจะนำปรัญชานี้มาใช้ตลอดช่วงเวลาทำงานที่ประเทศไทย

 เจาะลึกนโยบายการพัฒนาธุรกิจมาสด้าในประเทศไทยผมได้นำเสนอแผนงานเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป้าหมายสูงสุด คือการยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า ผ่านประสบการณ์ลูกค้าที่มีกับมาสด้า ตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อจนถึงการกลับมาซื้อซ้ำ ดังนั้น ผมต้องการที่จะเร่งปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของเราให้เป็น RetentionBusiness Model ผมต้องการที่จะยกระดับแบรนด์มาสด้าให้ดียิ่งขึ้น สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุดคือความชื่นชอบแบรนด์ของลูกค้า และสำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ การเพิ่ม Residual Value หรือการเพิ่มมูลค่าให้กับรถยนต์ของลูกค้า
 สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในประเทศไทยและมองอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยอย่างไรจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC)คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 2.5–3.5% โดยปัจจัยหลักมาจาก (1)ความต้องการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น (2) การท่องเที่ยวภายในประเทศปรับตัวดีขึ้น (3)การส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้น เราคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆแต่ทั้งนี้ก็ยังคงต้องจับตามองปัจจัยลบต่างๆ อาทิ ราคาน้ำมันและพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน และการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดทั้งระบบ คาดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 820,000 –
850,000 คัน

 มุมมองต่อมาสด้าในประเทศไทยอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยมีความท้าทายอย่างมากถือเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่ มาสด้า มอเตอร์ให้ความสำคัญ คนไทยมีความกระตือรือร้นอย่างมากต่อการเปิดตัวของรถยนต์รุ่นใหม่ซึ่งเห็นได้จากงานมหกรรมโชว์รถ นี่คือเหตุผลที่เราได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ เข้าสู่ตลาด เราไม่เคยลืมว่าลูกค้าคนไทยมีความคาดหวังสูงมากกับมาสด้า ซึ่งเราต้องการที่จะเติมเต็มความคาดหวังเหล่านั้น

 สิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญมากที่สุดต่อจากนี้เป็นต้นไป คือ
1) เดินหน้าส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าและแฟนมาสด้า ด้วยคุณค่าแบรนด์
2) ให้ความสำคัญกับการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุก Touchpoint รวมถึงในด้านดิจิทัล
3) ผลักดันการดูแลลูกค้าและการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อยกระดับสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า
4) สร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายผู้จำหน่ายเพิ่มศักยภาพในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทางธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นและเกิดความพึงพอใจสูงสุด

 เปิดแผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV ในประเทศไทยเรากำลังทำการศึกษาและวางแผนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า EV ในตลาดประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ซึ่งข้อดีคือ เรามีเวลาที่จะทำการศึกษาและพัฒนารถ EV และมีเวลาในการศึกษาความคิดเห็นของลูกค้าเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของรถ EV ที่มีวางจำหน่ายอยู่ในตลาดปัจจุบัน

แม้ว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์ที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่เราก็สามารถยืดหยัดอยู่ในตลาดอย่างสง่างามท่ามกลางการแข่งขัน หรือแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้ ด้วยเทคโนโลยีและการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ทำให้เราเป็นแบรนด์ที่ถูกเลือกโดยลูกค้าทั่วโลก และเราก็มีแฟนคลับอยู่เป็นจำนวนมาก เราเชื่อว่ารถยนต์ของเราจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งใหม่ๆ ได้อย่างแน่นอนและเราจะพยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะให้รถยนต์ของเราเป็นรถที่ลูกค้าเลือกเป็นอันดับแรก

นี่คือมุมมองและแผนการพัฒนาธุรกิจมาสด้าให้เติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ภายใต้การนำทัพของ มร.ทาดาชิ มิอุระ จากญี่ปุ่นสู่ประเทญไทยพร้อมนำทุกประสบการณ์จากทั่วโลกมาสร้างแบรนด์มาสด้าให้เป็นที่ชื่นชอบถูกอกถูกใจคนไทยมากยิ่งขึ้นทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความรักความผูกพันในระยาวกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด