Travel Sport & Soft Power

สีสันวิ่ง'ซับเปิบ-ลาดค่า21'ฮือ!ชุดแฟนซี



เพชรบูรณ์ -สีสัน เดิน - วิ่ง เพื่อสุขภาพ (ซับเปิบ-ลาดค่า 2021) ท่ามกลางธรรมชาติและขุนเขา พิชิตเช็คอินจุดชมวิว ฮือฮาแต่งเงาะป่าและแม่นาค รับรางวัลแฟนซี

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บริเวณลานวัดเทพนิมิตคีรีวงษ์ ตำบลซับเปิบ อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์  ทางองค์การบริหารส่วนตำบลซับเปิบ ได้ร่วมกับ อสม.ตำบลซับเปิบ และกองทุนหลักประกันสุขภาพ อบต.ซับเปิบ จัดโครงการ ซับเปิบร่วมใจ เดิน - วิ่ง เพื่อสุขภาพ (ซับเปิบ-ลาดค่า 2021) เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป หันมาใส่ใจสุขภาพ โดยการออกกำลังกาย อันจะนำมาซึ่งสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรง โดยมี นายสุรศักดิ์ เหมือนสี นายก อบต.ซับเปิบ ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์  แก่นายนาวิน สังฆมาตร นายอำเภอวังโป่ง ประธานในพิธีเปิดงาน ปล่อยขบวนนักวิ่ง ซึ่งจัดให้มีการวิ่ง 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทแรก การวิ่งแบบฟันรัน หรือ ที่มักเรียกกันว่า เดิน-วิ่งเพื่อการกุศล ระยะทางไม่เกิน 5 กิโลเมตร เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นออกกำลังกาย การวิ่งระยะทางเท่านี้ ร่างกายจะยังไม่เหนื่อยล้ามาก แต่จะรู้สึกสนุกสนานมากกว่า สมกับชื่อ ฟันรัน โดยมากมักวิ่งเหยาะๆ พักเดิน หยุดกินน้ำ พูดคุยกับคนที่ร่วมวิ่งด้วยกัน

ส่วนประเภทที่สอง ระยะทาง15กิโลเมตร จะเป็นการวิ่งแบบครอสคันทรี่ คือ การวิ่งวิบาก หรือวิ่งข้ามทุ่ง เข้าไปตามเส้นทางป่าเขา ดูธรรมชาติบนเขา แล้วแต่สภาพภูมิประเทศ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย พร้อมทั้งได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ  โดยนักวิ่งประเภทนี้  จะต้องวิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนด ทั้งพื้นราบ และขึ้นบนเขา เพื่อไปกลับตัวตรงจุดชมวิว โดยนักวิ่งต้องวิ่งไปให้ถึงเพื่อจะได้ไปเช็คอินตรงจุดดังกล่าว พร้อมทั้งดื่มน้ำและกินแตงโมหวานๆ ก่อนวิ่งกลับไปยังเส้นชัย
  และอีกหนึ่งสีสัน ในกิจกรรม ซับเปิบร่วมใจ เดิน - วิ่ง เพื่อสุขภาพ (ซับเปิบ-ลาดค่า 2021) ในปีนี้ นอกจากการแข่งขันวิ่งทั้ง 2 ประเภทแล้วนั้น  ยังพบว่าได้มีรางวัลพิเศษ ขึ้นมาอีกหนึ่งรางวัล นั่นก็คือ รางวัลวิ่งแฟนซี ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมวิ่งในประเภทนี้ จะต้องแต่งชุดแฟนซี หลากหลายสีสัน วิ่งปะปนร่วมไปกับนักวิ่ง สร้างความฮือฮา และเรียกรอยยิ้ม เสียงหัวเราะแก่ผู้พบเห็นตลอดเส้นทาง โดยรางวัลชุดแฟนซี ชนะเลิศอันดับ1 ได้แก่ ชุดเงาะป่า และ รางวัลที่2 ได้แก่ ชุดแม่นาค

สำหรับการเดิน-วิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในขณะนี้ เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ และส่งผลดีต่อระบบต่างๆ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ รวมทั้งยังช่วยส่งเสริมสุขภาพพื้นฐานทั่วไป ช่วยบรรเทาและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคประจำตัว ช่วยให้อารมณ์และสุขภาพจิตดีขึ้น ช่วยทำให้ระดับความเครียดลดลง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว ได้ร่วมกันทำกิจกรรมดีๆ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อีกทางหนึ่งด้วย

เดชา  มลามาตย์/มนสิชา คล้ายแก้ว