Authority & Harm
แม่ค้าสบู่โหดตามตบคนโพสต์คลิปถึงที่ ตบเรียงหน้าตั้งแต่คู่กรณี-ผัวและแม่

สิงห์บุรี-แม่ค้าขายเสื้อผ้าโพสต์คลิป โดนแม่ค้าขายสบู่บุกตบถึงในร้าน และยังโทรตามพวกมาตบสามีกลางโรงพัก แถมยังตามมาตบแม่ของเธอด้วย
เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น พาร์ท 6 ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ซึ่งมีความยาวประมาณ 5 นาที โดยในคลิปจะพบว่า มีกลุ่มของสาวรอยสักผมหลากสี ทราบภายหลังว่าเป็น เจ้าของสบู่แบรนด์ดังกับพวกเข้ามาในร้านขายเสื้อผ้า และมีการตบตีกัน หลังจากนั้นมีหญิงสาววัยกลางคนผมสั้นใส่เสื้อสีส้มเดินเข้ามาคาดว่าจะเป็นแม่ของเจ้าของร้าน และถูกกลุ่มที่บุกเข้ามาที่ร้านรุมตบ โดยได้โพสต์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า “#เรื่องชาวบ้านคืองานของเรา การใช้ความรุนแรงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ปัญหาใดๆก็แล้วแต่ถ้าใช้สติปัญญาคุยกันด้วยเหตุผลจะจบลงด้วยดีการใช้ความรุนแรงไม่ก่อให้เกิดอะไรผู้ใหญ่คนกลางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสื่อสังคมช่วยเคลียร์ปัญหาให้จบลงด้วยค่ะ “ถูกceoแบรนด์สบู่ดังบุกมาตบที่ร้าน เนื่องจากก่อนหน้านี้ไปมีปัญหากันที่โรงพัก น้องชายceoพาพวกมารุมกระทืบเพื่อนผู้ชายที่ร้านเรา 10 รุม1 เราจับไว้ได้1คน พาส่งตำรวจ มีการเรียกค่าเสียหาย ceoบุกมาที่โรงพักตบหน้าเรา แฟนเราเลยตบคืน (แฟนเราผิดตบผญ) แต่เขามาตบหน้าเราก่อน แฟนเลยโมโห เขาไม่พอใจที่ผู้ชายตบหน้าเขาเลยตามผัวมาต่อยแฟนเราคืน แฟนเรายอมให้ต่อยคืนเพื่อต้องการจบปัญหา แล้วก็ไม่จบตามมาตบเราถึงที่ร้านเสื้อผ้า แม่เรามาห้าม ตบแม่เราด้วย ชี้หน้าด่าแม่เราว่าอีแก่จะไม่ตายดี หลังจากนั้นก็ไม่จบ โฟสด่าแม่เรา โฟสด่าเราเต็มเฟสบุ๊ค เนื่องจากเขาเป็นคนดัง ทำให้เรารู้สึกอับอายและสงสารแม่เป็นที่สุด แจ้งความแล้ว” ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ที่ร้านขายเสื้อผ้าดังกล่าวซึ่งเปิดอยู่ในตลาดสดเทศบาลเมืองสิงห์บุรี ปรากฏว่าร้านปิด จึงได้ติดต่อกับทางเจ้าของร้านทราบชื่อ น.ส.ชมนภัส รณธีร์กุล อายุ 28 ปี หรือ น้องจุ และได้ลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ที่บ้าน ในขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวก็ได้พยายามหาทางติดต่อกับคู่กรณีอีกฝ่ายทราบชื่อว่า น้องอี๊ด ทั้งทางแอปพลิเคชั่น Facebook และ Line แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับใดๆ
โดย น.ส.ชมนภัส รณธีร์กุล อายุ 28 ปี หรือน้องจุ ได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย.66 เวลาประมาณเที่ยงคืน ตนอยู่ในร้าน แต่เพื่อนนั่งกินยำอยู่ที่หน้าร้าน และก็มีกลุ่มเด็กชัยนาทประมาณ 9 คน มารุมเพื่อนของตนที่ชื่อไมค์ แล้วแฟนของไมค์ได้วิ่งเข้ามาปลุกตนว่า ไมค์โดนรุม ตนกับแฟนก็ออกไปห้ามโดยที่ไม่รู้ว่าทั้งสองฝ่ายเคยมีปัญหากันมาก่อนหรือเปล่า ตอนที่หนูวิ่งออกไปก็เริ่มกระจายกันแล้วฝ่ายคู่กรณีก็ต่างพากันวิ่งขึ้นรถ แต่มี 1 ในนั้นวิ่งขึ้นรถไม่ทัน เลยวิ่งไปตามจับมาได้ และโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพาไปโรงพัก และคู่กรณีได้โทรตาม อี๊ด ให้มาช่วยเคลียร์ แต่พอน้องอี๊ด มาถึงที่โรงพักกลับวิ่งเข้าใส่แฟนของไมค์ทันทีแล้วตนก็เข้าไปห้าม แต่อี๊ดผลักตนแล้วบอกว่า อย่าเสือก แล้วก็ตบหน้าตน แฟนของตนเห็นตนโดนตบ ก็ตบหน้าอี๊ฟกลับทันที ตนบอกกับอี๊ดว่าตนไม่ได้เสือกแต่ว่ากลุ่มพวกมึงมามีเรื่องที่ร้านของตน ไม่งั้นตนก็ไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก ซักพักแฟนของอี๊ดก็มา แล้วก็มาถามแฟนของตนว่าตบหน้าอี๊ดทำไม แล้วก็ตบหน้าแฟนของตนทันที แล้วก็ไปขอโทษกันเรียบร้อย ต่อมาอี๊ดบอกว่าอย่าเพิ่งกลับ แล้วอี๊ดก็โทรตามเพื่อนมาอีก 2 คน โดย 1 ในนั้น เป็นดาวติ๊กต๊อกใช้ชื่อ “รถถัง บางเขน” ซึ่งมาถึงก็เข้ามาตบแฟนของตนอีกต่อหน้าตำรวจในโรงพักเลย ถึงแม้ตำรวจจะช่วยห้ามแต่ก็ไม่มีการเกรงกลัวแต่อย่างใด หลังจากแยกย้ายแล้ว หนูกลับมาที่ร้านซึ่งหนูคิดว่าเรื่องจบที่โรงพักแล้ว แต่เขาก็ไม่จบ มามีประเด็นที่ว่าหลังจากที่หนูเห็น อี๊ด โพสต์หน้าเฟสต์บุ๊กส์เขาว่า “กูเกิดมาไม่เคยโดนผู้ชายตบหน้าเลย” หนูก็เลยโพสต์คลิปเหตุการณ์ที่โรงพักหน้าเฟซบุ๊กส์เพื่อให้รู้ว่าที่ทางคู่กรณีโดนแฟนตนตบ เพราะว่าอี๊ดมาตบตนก่อน ซึ่งต่อมาเวลา 7.30 น. ทางคู่กรณีก็ได้ให้เพื่อนจำนวน 3 คนมาที่ร้าน ให้ตนลบคลิป แต่ตนไม่ได้ลบ แต่เพื่อนของคู่กรณีได้กลับไป
น้องจุเล่าต่อว่า จนเมื่อเวลา 9.00 น. อี๊ดพร้อมพวกอีก 3 คน ได้เข้ามาหาเรื่องที่ร้านของตนอีกครั้งเพื่อให้ตนลบคลิป และขณะเหตุการณ์กำลังชุลมุลอยู่นั้น แฟนของตนก็ได้โทรตามแม่ของตนมาเพื่อให้มาช่วยเคลียร์ โดย นางณัฐกา ผู้เป็นแม่เล่าต่อว่า “ลูกเขยโทรมาบอกว่ามีคนมารุมตบลูกที่ร้าน ตอนแรกตนจะไม่ไปเพราะคิดว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ แต่ทางแฟนของตนบอกว่า ให้ไปดูลูกหน่อยเพราะถ้าลูกเป็นอะไรจะมาเสียใจภายหลัง ตนก็ถามว่า มีเรื่องอะไรกัน แต่อีกฝ่ายจะให้ตนไปขอโทษแทนลูกเขย ซึ่งตนคิดว่าตนไม่รู้เรื่องอะไรเลยเมื่อคืนนี้ แล้วก็โดนด่าทอหยาบคาย โดนรุมตบไม่ยั้งเลย เราก็อายุขนาดนี้แล้วจะไปสู้อะไรเขาได้”
น้องจุ เล่าต่อว่า “จากนั้นก็มีพลเมืองดีมาช่วยแยก ทางฝั่งของตนจึงไปแจ้งความ ในข้อหา ทำร้ายร่างกาย และบุกรุก ตนยอมรับว่ารู้สึกกังวลมาก เพราะไม่รู้ว่าคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่ เนื่องจากดูจากพฤติกรรมแล้วไม่เกรงกลัวอะไรเลย ตนบาดเจ็บที่เล็บคือเล็บหลุดไปเลย ส่วนแม่เจ็บตามเนื้อตัวและปากแตก ซึ่ง ณ ปัจจุบันทางคู่กรณีก็ยังมีการไล้ฟสดด่าและพูดถึงเรื่องเหตุการณ์นี้อยู่อีก จึงต้องร้องผ่านสื่อ เพื่อให้ตำรวจช่วยเร่งรัดคดี จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่กล้าไปร้านขายเสื้อผ้า เพราะกลัวจะถูกบุกมาทำร้ายอีก
จินตนา ปานมี ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สิงห์บุรี