Authority & Harm

รถไฟชนรถกระบะคนงานรับจ้างลากปลา ขณะข้ามคลองอุดมฯ-แปดริ้วดับ8เจ็บ4



ฉะเชิงเทรา-ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าหัวลากแบบอุลตร้าแมนหมายเลข 1 พุ่งชนรถยนต์กระบะขนคนงานลากปลาขณะกำลังจะข้ามรางรถไฟที่คลองอุดมชลจรมาจนเต็มคันรถรวม 13 ชีวิต ถูกขยี้ดับ 8 เจ็บ4ที่แปดริ้ว ขณะหนุ่มวัย 20 ปีกระโดดลงจากท้ายกระบะได้ทันรอดตายอย่างเฉียดฉิว เผยวินาทีตัดสินใจดีดตัวจนปลิวออกไปเพราะเห็นหัวรถจักรเข้ามาใกล้เต็มทีแล้ว แต่คนงานที่นั่งมาด้านท้ายด้วยกันกลับบอกให้พุ่งข้ามไปเลย/หนุ่มพ่อลูกอ่อนเศร้า หลังสูญเสียภรรยาสาววัยเพียง 23 ปี จากอุบัติเหตุขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าอุลตร้าแมนพุ่งชน รถยนต์กระบะขนคนงานลากปลาจากบางเสาธงมายังคลองอุดมชลจรแปดริ้ว เมื่อกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา เผยทิ้งลูกน้อยวัยเพียงขวบเศษไว้ให้ก่อนจากไปแบบไม่ทันตั้งตัว ระบุยังไม่รู้จะทำอย่างไรกับอนาคตในการดำเนินชีวิต/พบปัญหาสัญญาณไปเตือนทางข้ามรางรถไฟขัดข้อง ทำงานย้อนเวลาหลังจากขบวนรถไฟผ่านไปแล้วจึงเตือน ขณะ จนท.หลายหน่วยงานทยอยเดินทางลงตรวจสอบในพื้นที่จริง ด้านนายอำเภอเมืองแปดริ้วมองเห็นปัญหาพร้อมหาแนวทางแก้ไข ส่วนกรมการขนส่งทางรางรุดดูสถานที่จริงด้วยตาเช่นกัน ท่ามกลางสื่อมวลชนหลายแขนงจาก กทม. ที่ลงพื้นที่มานำเสนอข่าวจำนวนมาก

วันที่ 4 ส.ค.66 เวลา 02.20 น. ร.ต.อ.ธีรวัต พรประสิทธิ์ รองสารวัตรเวร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุมีขบวนรถไฟพุ่งชนรถยนต์กระบะทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เหตุเกิดขึ้นช่วงบริเวณจุดตัดทางข้ามทางรถไฟ ระหว่างสถานีหยุดรถไฟคลองอุดมชลจรมายังสถานีรถไฟเปรง พื้นที่รอยต่อ ม.6 และ ม.7 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีบรอนซ์ รุ่นดีแมกแบบตอนเดียวมีคอกกระบะสแตนเลสด้านท้าย หมายเลขทะเบียน 1ฒฆ-5942 กทม. ถูกขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าแบบหัวลากอุลตร้าแมนสีขาวแดง หมายเลขหัวรถจักร 5240 คันที่ 1 ที่กำลังลากตู้คอนเทรนเนอร์จากสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง (ICD) เพื่อไปส่งยังที่ท่าเทียบเรือแหลมฉบังมาจำนวน 31 ตู้รวมทั้งขบวน 32 โบกี้ พุ่งชนที่บริเวณด้านหน้าของตัวรถทางซ้ายและครูดไปตามคันตลอดแนวถึงด้านหลัง จนคอกสแตนเลสหลุดเปิดอ้าออกมาจากตัวรถ

บริเวณที่เกิดเหตุพบมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนอนเรียงรายเกลื่อนไปตามแนวของเส้นทางรถไฟ ทางด้านขวาของรางจำนวน 3 ราย ทางด้านซ้ายจำนวน 7 ราย และที่กลางรางด้านท้ายของขบวนรถซึ่งจอดอยู่บนรางด้านซ้ายสุดจากทั้งหมด 3 รางห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 35 เมตร 1 ราย โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาย 6 ราย หญิง 2 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นขาย 3 ราย มีอาการสาหัส 1 ราย กระดูกท่อนแขนด้านซ้ายหักและขาขวาหัก ส่วนอีก 1 รายมีบาดแผลที่หน้าผาก และอีก 1 รายได้รับบาดเจ็บมีอาการฟกช้ำตามร่างกาย ถูกนำส่งไปยัง รพ.พุทธโสธร มั้งหมด

จากการสอบสวน นายวิชัย อยู่เล็ก อายุ 54 ปี ชาว ม.11 ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ให้การว่าได้รับคนงานรับจ้างลากปลามาจากย่านวัดศรีวารีน้อยจำนวน 12 คน เพื่อมาลากปลายังที่บ่อเลี้ยงปลาของนายวิเชียร แสงทับสอน อายุ 58 ปี ในพื้นที่ ม. 5 ต.คลองอุดมชลจร ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุออกไปอีกประมาณ 5 กม.เศษ ซึ่งปกติจะพาคนงานมารับจ้างลากปลาที่บ่อนี้ปีละประมาณ 1 ครั้ง แต่เมื่อมาถึงยังที่เกิดเหตุมองไม่เห็นขบวนรถไฟ เนื่องจากระดับของรางรถไฟมีความสูงกว่าพื้นถนนทางรถยนต์มาก และสภาพแวดล้อมยังมืดสนิทด้วย จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น นายวิชัย ระบุ

หลังจากญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเดินทางมาถึงยังในที่เกิดเหตุ ต่างพากันส่งเสียงร้องไห้ระงม และพรางเรียกร้องหาชื่อและวิ่งไปดูว่าผู้เสียชีวิตรายใดเป็นญาติบ้าง โดยมีบางรายถึงกับเป็นลมหมดสติเมื่อมาถึงยังที่เกิดเหตุ โดยที่ตลอดแนวของเส้นทางรถไฟจากจุดเกิดเหตุไปยังจุดที่ขบวนรถหยุดอยู่กับที่ ระยะทางประมาณ 40 เมตรนั้น มีเศษชิ้นส่วนร่างกายของผู้เสียชีวิตตกกระจัดกระจายเกลื่อน มีบางรายกะโหลกศีรษะเปิดจนหลุดออกมาปลิวไปตามแนวของทาง รถไฟจนเป็นที่น่าสลดใจของชาวบ้านที่ออกมามุงดูในที่เกิดเหตุ

ขณะที่ นายสุรพัศ ประสพ อายุ 20 ปี ชาว ม.14 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ หนึ่งในผู้รอดชีวิตอย่างเฉียดฉิว เล่าถึงวินาทีระทึกว่า ขณะที่รถยนต์กระบะคันที่นั่งมากำลังจะขับข้ามรางรถไฟ ไปตนเองได้เห็นว่าขบวนรถไฟได้พุ่งเข้ามาใกล้จะถึงแล้วในระยะอีกเพียงไม่กี่เมตร แต่ได้ยินเสียงคนงานที่นั่งมาด้วยกันได้ร้องบอกคนขับรถไปว่าให้ไปเลยๆ แต่ตนมองว่าไม่น่าจะทันแล้วจึงได้กระโดดพุ่งลงไปจากตัวรถก่อนที่จะกลิ้งลงไปตามพื้นถนนของทางต่างระดับ ระหว่างทางรถไฟกับถนนรถยนต์ลงไปยังด้านล่าง

ซึ่งระหว่างนั้นได้หันกลับมามองดูรถคันที่นั่งมา จนพบว่าขับข้ามรางรถไฟไปไม่พ้นจริงๆ และเห็นเหตุการณ์ตลอดจนติดตา ซึ่งระหว่างที่จะกระโดดลงมาจากรถนั้น ได้ร้องบอกกับญาติที่นั่งมาด้วยว่าให้โดดลงแต่ญาตินั่งอยู่ในตะกร้าใส่ปลาจึงขยับตัวออกมาไม่ทัน ก่อนที่เขาจะมาเสียชีวิตไปในที่สุดกับเหตุการณ์นี้ ซึ่งช่วงที่รถยนต์กำลังจะขับข้ามไปนั้น ตนได้ยินเสียงหวีดรถไฟดังลั่นจำนวน 3 ครั้งก่อนหน้าแล้ว นายสุรพัศ กล่าว

พ่อลูกอ่อนเศร้าสูญเสียภรรยาสาวถูกรถไฟชน ทิ้งลูกวัยขวบเศษไปแบบไม่ทันตั้งตัว

เวลา 03.20 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายโสภณ ประสพศิริทรัพย์ อายุ 45 ปี อาศัยอยู่ห้องเช่าย่านวัดศรีวารีน้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งได้เดินทางมาดูร่างภรรยาที่มาประสบอุบัติเหตุ ถูกขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าหัวรถจักรอุลตร้าแมนพุ่งเข้าชนจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ขณะนั่งมาในรถยนต์กระบะบรรทุกคนงานลากปลามายังบ่อเลี้ยงปลาในพื้นที่ ม.5 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา จนมีผู้เสียชีวิตพร้อมกัน 8 รายได้รับบาดเจ็บ 3 รายว่า 

ปกติตนและภรรยา คือ น.ส.สุรีรัตน์ ไวว่อง อายุ 23 ปี ชาว จ.ปราจีนบุรี มีอาชีพรับจ้างลากปลาตามบ่อเลี้ยงปลา โดยอยู่กินด้วยกันมาได้ประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว จนมีบุตรชายด้วยกันวัยเพียงขวบเศษ 1 คน ซึ่งปกติตนและภรรยาไม่ได้ทำงานมากับคณะลากปลาชุดนี้ เนื่องจากมีคณะขาประจำอยู่แล้ว แต่มีคนชวนมาหารายได้เพิ่ม ภรรยาตนจึงได้มากับคณะนี้ด้วย หลังจากคณะประจำนั้นยังหยุดออกรับจ้างลากปลาอยู่ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวเข้าพรรษา จึงได้ให้ภรรยามากับเขาส่วนตนเลี้ยงลูกน้อยอยู่บ้าน 

โดยถือเป็นครั้งแรกที่ภรรยามากับคณะลากปลาชุดนี้ ก่อนมาประสบอุบัติเหตุถูกรถไฟชนจนเสียชีวิตไปอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงยังทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป หลังจากทราบเหตุจึงได้รีบออกมาจากบ้านเลย โดยได้ฝากลูกทิ้งไว้กับคนข้างห้องดูแล ตอนนี้จะตามหาญาติของภรรยาก็ยังอยู่ไกล และหลังจากนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะออกไปทำงานหาเลี้ยงลูกอย่างไร เพราะอยู่กันเพียงลำพัง นายโสภณ กล่าว

พบสัญญาณไฟเตือนข้ามรางรถไฟขัดข้อง ขณะทางข้ามผ่านทั้งกว้างและลาดชัน

เวลา 13.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าตู้คอนเทรนเนอร์ที่ลากจูงมาโดยหัวรถจักรอุลตร้าแมน หมายเลข 5240 รวม 32 โบกี้พุ่งชนรถยนต์กระบะบรรทุกคนงานลากปลา จากในพื้นที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ มายังบ่อเลี้ยงปลาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา  ก่อนมาถูกขบวนรถไฟพุ่งชน ตรงบริเวณจุดตัดทางข้ามใกล้สถานีหยุดรถคลองอุดมชลจร พื้นที่รอยต่อระหว่าง ม.6 และ ม.7 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา 

จนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 8 ราย และได้รับบาดเจ็บเบื้องต้น 3 ราย ต่อมาได้มีผู้ประสงค์ที่จะไปยัง รพ.เพิ่มเติมอีก 1 ราย รวมมีผู้บาดเจ็บ 4 ราย เมื่อเวลา 02.20 น. ที่ผ่านมา ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา 09.00 น. ได้มีนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัด เดินทางลงมายังในพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและหาแนวทางการป้องกันแก้ไข

จากนั้นในเวลา 11.30 ได้มีคณะเจ้าหน้าที่จากกรมการขนส่งทางรางได้เดินทางมาตรวจสอบ และเก็บข้อมูลยังในที่เกิดเหตุ แต่ได้ปฏิเสธในการที่จะให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่าเป็นเพียงการลงมาสำรวจเก็บข้อมูลเพื่อหาแนวทางการป้องกันเท่านั้น ต่อมาในเวลา 12.20 น. ได้มีนายสุรชัย โคตรบุตรดี นายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายเอก อิทธิยาภรณ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงได้เดินทางลงมาตรวจสอบหาข้อบกพร่อง และสาเหตุในที่เกิดเหตุเช่นกัน

จากนั้นนายสุรชัย และนายเอก ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางราง อบต. และผู้ใหญ่บ้าน ที่มาในที่เกิดเหตุว่า จากข้อมูลในรายงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า สัญญาณไฟเตือนทางข้ามให้ระวังรถไฟ ด้านฝั่งที่รถยนต์กระบะบรรทุกคนงานขับมานั้นขัดข้อง ไม่ติดเตือนผู้ใช้ทางก่อนที่ขบวนรถจะเข้ามาถึงยังจุดตัดทางข้าม แต่เมื่อขบวนรถผ่านเลยไปแล้วสัญญาณไฟเตือนจึงติดขึ้น นอกจากนี้ยังมีกรณีที่วัชพืชขึ้นมาปกคลุมจนมองไม่เห็นแนวรางรถไฟ 

รวมถึงทางข้ามแห่งนี้ยังไม่มีแผงไม้กั้นขณะที่ขบวนรถไฟผ่านมา ทั้งที่ชาวบ้านได้ใช้เป็นเส้นทางข้ามมานานกว่า 30-40 ปีแล้ว ตามข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้านรายงาน และบริเวณทางข้ามรางรถไฟแห่งนี้ ยังมีลักษณะเป็นเนินสูงต่างระดับมากกว่าถนนรถยนต์ ทั้งยังมีระยะทางในการข้ามผ่านรางรถไฟค่อนข้างยาวไกลมากกว่าสิบเมตร เนื่องจากมีรางรถไฟวางขนานเรียงกันไปตลอดแนวมากถึง 3 ราง โดยที่ยังมีการเว้นช่วงห่างกันออกไปเป็น 2 ขยักอีกด้วย 

จึงทำให้คนขับรถยนต์ข้ามรางรถไฟมองไม่เห็นขบวนรถไฟ ซึ่งหลังจากทราบปัญหาแล้วเบื้องต้นจะประสานมายัง อบต.คลองอุดมชลจร ให้จัดทำเครื่องหมายจุดเตือนให้ระวังสำหรับคนใช้เส้นทางผ่าน จากนั้นจะได้ให้ทาง อบต.คลองอุดมชลจร ได้ทำหนังสือในการยื่นไปร้องขอที่จะให้มีแผงไม้กั้นต่อไป นายสุรชัย กล่าว 

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ลักษณะข้อบกพร่องที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ตามที่ทางเจ้าหน้าหลายฝ่ายลงมาพบนั้น มีความคล้ายคลีงกันกับกรณีอุบัติเหตุสลดเมื่อปี 2563 (11 ต.ค.63) ที่มีผู้เสียชีวิตหมู่มากถึง 19 ศพและบาดเจ็บมากกว่า 40 คน ที่บริเวณทางข้ามใกล้กับสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปอีกเพียงแค่ 1 ช่วงสถานีเท่านั้น หรือเลยจากจุดนี้ไปอีกแค่เพียงประมาณ 6-7 กม.เท่านั้น

เจ้าของบ่อปลา เผยสงสัยทำไมมาช้าก่อนตามเสียงหวูดรถไฟมาดูพบเรื่องเศร้า

13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดช่วงสายที่ผ่านมาจนถึงบ่าย ที่บริเวณจุดตัดทางข้ามรางรถไฟใกล้สถานีหยุดรถคลองอุดมชลจร บริเวณพื้นที่รอยต่อระหว่าง ม.6 และ ม.7 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุขบวนรถไฟสินค้าบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์พุ่งชนรถยนต์กระบะจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 รายได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เมื่อช่วงเข้ามืด (02.20 น.) ที่ผ่านมาว่า ทาง อบต.คลองอุดมชลจร พร้อมเจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เร่งนำรถดับเพลิงพร้อมน้ำมาฉีดล้างบริเวณพื้นที่จุดเกิดเหตจนดูสะอาดไร้คราบความน่าสะพรึงกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา 

จากนั้นเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณะภัย อบต. พร้อมคนงานได้ทำการใช้เครื่องตัดหญ้าจำนวนเกือบ 10  เครื่อง เข้ามาระดมเร่งตัดหญ้าบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ พร้อมใช้ยาฉีดพ่นฆ่าหญ้าตามรางรถไฟทั้ง 3 ช่องทาง โดยได้มีการนำหินคลุกมาลงกลบถมหลุมบ่อกลางถนนอีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งที่รถกระบะคันเคราะห์ร้ายกำลังจะข้ามไป โดนมีรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรมาดันเกลี่ยกลบจนดูเป็นพื้นถนนเสมอกันแล้ว

นอกจากนี้ยังได้มีการซ่อมแซมแผ่นป้ายเตือนก่อนถึงทางข้ามรางรถไฟ และมีบางส่วนนำมาติดตั้งใหม่ รวมถึงได้มีการพยายามซ่อมแซมสัญญาณไฟที่พบว่ามีปัญหาในขณะเกิดเหตุตามการรายงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อทาง จ.ฉะเชิงเทรา ด้วย โดยยังคงมีประชาชนใช้เส้นทางผ่านพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะตลอดทั้งวัน

ขณะที่ นายวิเชียร แสงทับสอน อายุ 58 ปี เจ้าของบ่อเลี้ยงปลานิลในพื้นที่ ม. 5 ต.คลองอุดมชลจร กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาได้นัดหมายกับนายวิชัย อยู่เล็ก อายุ 54 ปี หัวหน้าคณะลากปลาจาก ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ว่าจะนำคนงานมาลากปลายังที่บ่อในเวลา 02.00 น. แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายแล้ว นายวิชัย ยังมาไม่ถึงจึงได้ให้ภรรยาโทรติดตาม ส่วนตนนั้นได้ขับรถออกมาดู เนื่องจากได้ยินเสียงหวูดรถไฟดังแบบถี่ยิบจำนวน 4-5 ครั้ง คล้ายกับการเปิดหวูดแจ้งเตือนเหตุ 

โดยเสียงหวูดดังลั่นออกมาไกลจนถึงบ่อปลาตนเองที่อยู่ห่างออกไปถึง 6 กม. และเมื่อมาถึงยังในที่เกิดเหตุจึงพบภาพเหตุการณ์น่าสลดดังกล่าว พร้อมกันกลับที่ภรรยาได้โทรศัพท์มาแจ้งเหตุให้ทราบพอดีหลังจากติดต่อกับนายวิชัย คนขับรถที่พาคณะลากปลามาได้แล้ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน สำหรับบ่อปลาของตนนั้น จะลากปลาเพียงประมาณปีละ 1 ครั้งเท่านั้น และนายวิชัย จะนำคนงานเข้ามาลากเป็นขาประจำ นายวิเชียร กล่าว

ต่อมาในเวลา 16.30 น. ทางสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้ทำการเผยแพร่ข่าวถึงความคืบหน้ากรณีขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าคอนเทนเนอร์ที่ 833 ดีเซลเลขที่ 5240 มีต้นทางจากไอซีดีลาดกระบัง ปลายทางแหลมฉบัง ชนกับรถยนต์กระบะขนคนงานลากปลา บริเวณทางลักผ่านที่ไม่ได้รับอนุญาต หลัก กม.ที่ 43/9 ใกล้กับที่หยุดรถคลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งการรถไฟฯ ได้ติดตั้งป้าย และสัญญาณไฟเตือนครบถ้วนเพื่อพยายามช่วยในเรื่องความปลอดภัยให้มากที่สุดที่จะเป็นไปได้ แล้วนั้น 

หลังเกิดเหตุ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ และดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ โดยในเบื้องต้นได้สั่งการให้กองพนักงานสัมพันธ์และสวัสดิการ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ติดต่อให้ความช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรมตามระเบียบของการรถไฟฯ กับครอบครัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตต่อไป ซึ่งการรถไฟฯ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บมา ณ โอกาสนี้

สำหรับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางสำนักงาน คปภ.ฉะเชิงเทรา ได้ตรวจสอบพบว่า รถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 1ฒฆ-5942 กทม. ได้ทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 ไว้กับบริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) จึงได้ประสานงานกับบริษัทเทเวศ ฯ เพื่อประสานงานกับทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตจากรถยนต์ที่เกิดเหตุ เกี่ยวเรื่องการเบิกจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยของบริษัทฯ 

และสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 4 ราย ยังอยู่ระหว่างประสานงานไปยัง รพ.พุทธโสธร เพื่อรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลตามความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันภัยต่อไป โดยสำนักงาน คปภ.ฉะเชิงเทรา จะช่วยประสานงานและเร่งรัดให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างเป็นธรรม และจะดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้ มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมไว้อีกจะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ต่อไป

รายละเอียด http://innews.news/news.php?n=44381

สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา