Authority & Harm
กองปราบปรามชี้แจงคดีครูนงค์-ราชบุรี
กรุงเทพฯ-ชี้แจงกรณีผู้เสียหายถูกชายฉกรรจ์อ้างว่าเป็นตำรวจกองบังคับการปราบปรามบุกเข้าไปในบ้านพักและเชิญตัวออกจากบ้านหลังดังกล่าว
ตามที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งในพื้นที่ ต.ดอนทราย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หายออกจากบ้าน ทั้งพ่อ แม่ และลูกจำนวน 3 คน (รวม 5 คน) โดยอ้างว่าถูกชายฉกรรจ์อ้างว่าเป็นตำรวจกองบังคับการปราบปรามบุกเข้าไปในบ้านพักและเชิญตัวออกจากบ้านหลังดังกล่าว โดยไม่มีญาติคนใดทราบเรื่องนั้น
จากกรณีดังกล่าวกองบังคับการปราบปรามขอเรียนให้ทราบว่า การกระทำดังกล่าวเป็นขั้นตอนของการสืบสวน ขยายผล ในคดีที่มีคนร้ายก่อเหตุอุจกรรจ์ บุกเข้าไปในงานศพ จากนั้นใช้อาวุธปืนยิงผู้สมัครนายกเทศบาลตำบลดอนทราย เสียชีวิต 1 ราย และมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีก 6 ราย ซึ่งหลังจากเกิดเหตุในวันที่ 2 มี.ค.2564 ถึงแม้ว่าผู้ต้องหาจะเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการสืบสวนหาพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงในคดีนี้ต่อไป
เนื่องด้วยคดีดังกล่าวเป็นคดีอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คนร้ายได้ก่อเหตุอย่างอุกอาจ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต เเละได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการสืบสวนและสอบสวนพฤติการณ์ในคดีนี้อย่างละเอียดรอบคอบเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดี และติดตามผู้ที่อาจมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดคนอื่นๆมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาในวันที่ 17 พ.ค.2564 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามจึงได้เชิญตัวนายมนตรีฯ ซึ่งเป็นพยานที่ใกล้ชิดกับผู้ต้องหาในคดีนี้ เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยาน โดยในการนี้ทางครอบครัวของนายมนตรีฯ ได้ขอติดตามและเข้าร่วมเป็นบุคคลผู้ไว้วางใจในการสอบสวนครั้งนี้ด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้ขัดข้องแต่อย่างใด ทั้งนี้ยังได้อำนวยความสะดวกโดยให้นายมนตรีฯ นำครอบครัวเข้าร่วมสังเกตการณ์การสอบสวนในครั้งนี้ด้วย
ในการนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวนปากคำพยานรายอื่นๆ รวมทั้งตรวจยึดพยานหลักฐานที่อาจมีไว้เพื่อใช้ หรือได้ใช้ในการกระทำความผิดไว้เป็นหลักฐานด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้กระบวนการการสอบปากคำพยาน และตรวจยึดพยานหลักฐานทั้งหมดจึงเสร็จสิ้น ในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 20.00 น. จากนั้นพยานในคดีนี้จึงเดินทางกลับที่พักตามปกติ
ทั้งนี้กองบังคับการปราบปรามยึดถือหลักสิทธิมนุษยชนในการปฏิบัติหน้าที่ โดยคำนึงถึงสิทธิตามกฎหมายของผู้ต้องหา ผู้เสียหาย และพยาน เป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอด ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระทำการไปตามกฎหมายอำนาจหน้าที่โดยสุภาพ มิได้ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดเกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ หรือทำให้ทรัพย์สินของผู้หนึ่งผู้ใดเสียหาย สูญหายหรือใช้การไม่ได้แต่อย่างใด และมิได้เรียกร้องทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดมาเป็นของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแต่อย่างใด