Authority & Harm
ตร.ตั้งทีมทำคดีแม่ค้าถูกหลอกเงิน39ล.
กาฬสินธุ์-ตำรวจ สภ.ยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งคณะทำงานชุดสืบสวนและทีมสอบสวนคลี่คลายคดีแม่ค้าขายของชำ ชาวตำบลหนองอิเฒ่า อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เข้าแจ้งความ อ้างว่าถูกหลอกให้โอนเงิน 39 ล้านบาทให้สองสามีภรรยาชาวจังหวัดมหาสารคามมานานกว่า 2 ปี เพื่อถอนอายัดเงิน 1 หมื่นล้านบาทแลกกับค่าตอบแทน 5 พันล้านบาท พร้อมเตรียมเรียกพยานบุคคล และผู้เสียหายให้ปากคำเพิ่มเติมอีก 10 ปาก ขณะที่แม่ค้าผู้เสียหายเดินทางให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนและอยู่ในอาการเครียด
จากกรณีนางอาภา ภูขะมา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 6 บ้านดอนกลอย ต.หนองอิเฒ่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นำหลักฐาน ทั้งเอกสารจำนวนกว่า 200 หน้าพร้อมภาพถ่าย คลิปเสียง และสลิปโอนเงิน เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ อ้างว่าถูกสองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคาม หลอกให้โอนเงินหลายครั้งระหว่างปี 2558-2560 สูญเงินรวมกว่า 39 ล้านบาท เพื่อถอนอายัดเงิน 1 หมื่นล้านบาทในธนาคารแห่งชาติและเป็นค่าวิ่งเต้นถอนอายัดจาก ป.ป.ง.แลกกับค่าตอบแทน 5 พันล้านบาท ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุดเวลา 13.00 น. เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นางอาภา ภูขะมา อายุ 48 ปี ได้เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับ ร.ต.อ.วิรัตน์ วงค์สอน รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ยางตลาด เจ้าของคดี โดยมี พ.ต.อ.ศิลปชัย พงศ์วัชรจินดา ผกก.สภ.ยางตลาด และ พ.ต.ท.ปฏิวัติ ประวิเศษ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ยางตลาด ดูแลคดีอย่างใกล้ชิด โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความเครียด เนื่องจากผู้เสียหายระบุว่าจำนวนเงินที่เสียหายวงเงินที่สูงถึง 39 ล้านบาท และเป็นคดีที่สังคมกำลังจับตามองเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นางอาภาผู้เสียหาย เบื้องต้นยังไม่พร้อมที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าว เนื่องจากอยู่ในระหว่างให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน
ด้าน พ.ต.อ.ศิลปชัย พงศ์วัชรจินดา ผกก.สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตามที่เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.64) นางอาภา ผู้เสียหาย ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน แต่ยังสอบปากคำไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2558 และข้อมูลค่อนข้างละเอียด ซับซ้อน พนักงานสอบสวนจึงได้เรียกมาสอบปากคำเป็นการเพิ่มเติมอีกครั้ง สำหรับวันนี้จากการสอบปากคำเบื้องต้นค่อนข้างจะมีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากเมื่อวานนี้ในบางประการ เช่น จำนวนตัวเลขที่โอนเงิน วัน เวลา และสถานที่ที่โอนเงิน และสถานที่นัดรับเงินกัน ซึ่งบางส่วนไม่ตรงกับที่ให้ปากคำเมื่อวาน จึงมีการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงทำให้บรรยากาศการสอบปากคำค่อนข้างตึงเครียด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวนได้ให้อิสระแก่ผู้เสียหาย ในการให้ปากคำและนำหลักฐานอ้างอิง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการทำสำนวน และดำเนินการในขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.ศิลปชัย กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเบื้องต้นที่รับรายงานจากพนักงานสอบสวน ทราบว่านางอาภาผู้เสียหายระบุว่าถูกสองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคาม หลอกให้โอนเงินและมายืมเงิน โดยนัดสถานที่รับเงินตามจุดต่างๆไปตั้งแต่ปี 2558-2560 รวมจำนวน 39 ล้านบาท แต่หลักฐานที่นางอาภา นำมาแสดงทั้งการทำสัญญากู้เงินสดที่เขียนด้วยลายมือ และสลิปการโอนเงินผ่านธนาคารต่างๆพบมี 25 ครั้ง รวมจำนวนเงินประมาณ 16 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่ครบตามจำนวน 39 ล้านบาท นางอาภาระบุว่า เป็นมูลค่าทรัพย์สินอื่นๆ เช่นนำเอาที่ดินไปจำนองแล้วส่งเงินไปให้
พ.ต.อ.ศิลปชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของข้อมูลเพิ่มเติมที่นางอาภาให้การกับพนักงานสอบสวนในวันนี้ อ้างว่ายังมีพยานบุคคลและผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกันที่ถูกสองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคาม หลอกให้โอนเงินอีกจำนวน 10 คน ซึ่งตำรวจจะได้เชิญตัวมาสอบปากคำในโอกาสต่อไป ขณะเดียวกันก็จะได้ตั้งคณะทำงานทีมสืบสวน และทีมสอบสวน เพื่อตรวจเช็คชื่อ นามสกุล ประวัติ และติดตามตัวผู้ที่ถูกกล่าวหา เพื่อเรียกตัวมาสอบปากคำตามขั้นตอนต่อไป
พ.ต.อ.ศิลปชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ ในส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า สองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคามได้เปิดบัญชีรับการโอนเงิน ธนาคารไหน สาขาไหน หรือมีเงินโอนเข้าบัญชีจำนวน 1 หมื่นล้าน ตามที่นางอาภา ผู้เสียหายให้การ จนนำมาสู่การอายัดของธนาคารแห่งชาติ และ ป.ป.ง.และหลอกให้โอนเงินนั้น เจ้าหน้าที่จะประสานข้อมูลตรวจสอบจริงต่อไป และจะเรียกพยาน รวมทั้งผู้เสียทั้ง 10 คนที่นางอาภากล่าวอ้างมาสอบปากคำ หลังเจ้าหน้าที่สอบปากคำนางอาภาเสร็จ เพราะถือเป็นกรณีต่างกรรมต่างวาระ ทั้งนี้สำหรับประชาชนหรือผู้เสียหาย หากถูกหลอกในลักษณะเช่นเดียวกับนางอาภาดังกล่าว ก็ขอให้ออกมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที
อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีที่หลายคนตั้งข้อสังเกตและสงสัยว่าเงินจำนวน 39 ล้านบาทที่ผู้เสียหาย ซึ่งมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายของชำถูกหลอกยืมและโอนไปให้สองสามีภรรยาชาว จ.มหาสารคาม เพื่อถอนอายัดเงินจำนวน 1 หมื่นล้านบาทจากธนาคารแห่งชาติ และเป็นค่าวิ่งเต้นถอนอายัดนั้นเป็นจำนวนเงินที่มาก จำนวนเงินดังกล่าวมาจากไหน ซึ่งก่อนหน้านี้นางอาภาได้ให้ข้อมูลว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินเก็บจากการไปทำงานต่างประเทศมาหลายปี และเป็นเงินที่ได้จากเปิดร้านขายของ รวมทั้งเป็นเงินที่สามี ซึ่งทำงานอยู่ที่ประเทศไต้หวันส่งมาให้ทุกเดือน และเป็นเงินที่นำที่ดินไปจำนอง