Authority & Harm

'ราชทัณฑ์'ผนึกบุคคล-องค์กรจัดอบรม 'อาสาสมัครราชทัณฑ์รุ่น1'กว่า1พันคน



งวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568เวลา09.00น. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์ รุ่นที่ 1 โดยมีศาสตราจารย์ อรัญญา ตุ้ยคัมภีร์ นายกสมาคมจิตวิทยาแห่งประเทศไทย ดร.เสาวพา เวศกาวี อดีตรองผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวงดร.วริศรา ศิริสุทธิเดชา ผู้อำนวยการกองพัฒนาพฤตินิสัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน เขต10 และอาสาสมัครราชทัณฑ์ ณ ห้องสัมมนากรมราชทัณฑ์ ชั้น 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และอาสาสมัครราชทัณฑ์ทั่วประเทศ ในรูปแบบออนไลน์

กรมราชทัณฑ์ มีภารกิจที่สำคัญในการแก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยผู้ก้าวพลาด โดยมีกระบวนการในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมให้กลับมาเป็นพลเมืองดีที่มีคุณภาพของสังคม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการคืนคนดีสู่สังคม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพันตำรวจเอก ทวี  สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในเรื่องของการพัฒนาพฤตินิสัย รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกัน ในการใช้ชีวิตของผู้กระทำผิด โดยเน้นการเตรียมความพร้อมก่อนพ้นโทษ และกระบวนการส่งต่อผู้พ้นโทษที่มีการติดตามผลอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างอาชีพ ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วนร่วมของประชาชนในการสนับสนุนภารกิจของกรมราชทัณฑ์ และสอดคล้องกับนโยบายการบริหารงานราชทัณฑ์ นายสหการณ์  เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ภายใต้แนวคิด “รวมพลังขับเคลื่อน 8 มิติ ยกกำลังสอง สร้างคนดีคืนสังคม” มิติที่ 6 พัฒนาระบบเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและช่วยเหลือพลังพ้นโทษ ส่งคืนคนคุณภาพสู่สังคมมิติที่ 7 ยกระดับการสร้างการยอมรับและสร้างความเชื่อมั่นของสังคมต่อผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษ

ดังนั้น เพื่อเป็นการยกย่องบุคคลภายนอกที่เข้ามาสนับสนุนภารกิจของกรมราชทัณฑ์ที่เสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ และทุนทรัพย์ส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือหรือสนับสนุนงานหรือกิจกรรมของกรมราชทัณฑ์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนทั้งทางตรงหรือทางอ้อม และเป็นผู้ที่มีความรู้และความเข้าใจต่อการพัฒนาพฤตินิสัย ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดร่วมกันคือ เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษ ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพต่อสังคมและประเทศชาติ
กรมราชทัณฑ์เพียงหน่วยงานเดียว  ไม่สามารถขับเคลื่อนภารกิจในการคืนสู่สังคมให้ประสบความสำเร็จได้

หากปราศจากความร่วมมือและการช่วยเหลือจากบุคคลและองค์กรต่างๆ ที่จะเข้ามาเป็นกรมราชทัณฑ์ จึงได้จัดตั้ง “อาสาสมัครราชทัณฑ์” ขึ้น และมีการนำภาคประชาสังคมทั้งบุคคลและหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วม โดยใช้กระบวนการอาสาสมัครราชทัณฑ์ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในเรือนจำและทัณฑสถาน จำนวน 143 แห่งทั่วประเทศ โดยได้จัดประเภทของอาสาสมัครราชทัณฑ์แบ่งออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านวิชาการ 2) ด้านอาชีพ 3) ด้านศาสนาและจิตใจ 4)ด้านสื่อสารและประชาสัมพันธ์ 5)ด้านการเกษตร และ 6) ด้านสังคมสงเคราะห์และติดตามผู้พ้นโทษ ซึ่งอาสาสมัครราชทัณฑ์ คือ บุคคลทั่วไปผู้มีจิตอาสา หรือเป็นกลุ่ม องค์กร เครือข่ายที่สมัครใจ

ซึ่งในปัจจุบันมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครราชทัณฑ์แล้วจำนวน ทั้งสิ้น 1,235 คน (ข้อมูล ณ วันที่23 มิถุนายน 2568) และนอกจากนี้ ยังได้มีแผนการขยายการดำเนินงานในด้านอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมภารกิจของกรมราชทัณฑ์ให้  มากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นการสนับสนุนและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ต้องขังให้หลากหลายในทุกมิติต่อไป

การจัดอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์ ในครั้งนี้ เป็นการจัดอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์รุ่นที่ 1 ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ของกรมราชทัณฑ์  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบนโยบายของกรมราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านอาสาสมัครราชทัณฑ์ และส่งเสริมความรู้เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานในการสนับสนุนภารกิจของกรมราชทัณฑ์ โดยมีการบรรยายในหัวข้อที่สำคัญ ได้แก่ แนวทางและบทบาทของอาสาสมัครราชทัณฑ์ อำนาจหน้าที่ในการ

ปฏิบัติงานตามภารกิจของกรมราชทัณฑ์ จริยธรรมและจรรยาบรรณของอาสาสมัคร การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง บรรยายโดย ดร.วริศรา ศิริสิทธิเดชา ผู้อำนวยการกองพัฒนาพฤตินิสัยอีกทั้งหัวข้อ “หลักการให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยาเบื้องต้น” บรรยายโดย ศาสตราจารย์ อรัญญา ตุ้ยคัมภีร์ นายกสมาคมจิตวิทยาแห่งประเทศไทยและหัวข้อ “ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานของอาสาสมัครราชทัณฑ์” บรรยายโดย

ดร.เสาวพา เวศกาวี อดีตรองผู้อำนวยการวิทยาลัยสารพัดช่างนครหลวงรวมถึงอดีตผู้ก้าวพลาดมาเล่าประสบการณ์และการเข้าเป็นส่วนนึงของอาสาสมัครราชทัณฑ์ ซึ่งการบรรยายดังกล่าว สามารถให้ผู้เข้าร่วมอบรมนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิผลและยั่งยืน ในการอบรมครั้งนี้

กรมราชทัณฑ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดโครงการอบรมอาสาสมัครราชทัณฑ์รุ่นที่ 1 ผู้เข้าอบรมจะได้รับความรู้ ความเข้าใจในภารกิจของกรมราชทัณฑ์ สามารถสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการคืนคนดีสู่สังคม อย่างยั่งยืนต่อไป