ECO & ESG
โคเวสโตรจับมือคาทูนนาทีร่วมลดปล่อย คาร์บอนด้วยรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า

กรุงเทพฯ-โคเวสโตร (Covestro) ร่วมกับ คาทูนนาที เซอร์วิสเซส (Katoen Natie Services) ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญบนเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านโครงการความร่วมมือในการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในระบบโลจิสติกส์ในประเทศไทย
โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ คาทูนนาที เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือในโครงการริเริ่มเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกไฟฟ้าในกระบวนการขนส่ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของบริษัท โดยในระยะแรกของโครงการนี้ จะมีการเปลี่ยนจากรถบรรทุกดีเซลเป็นรถบรรทุกไฟฟ้าจำนวน 5 คัน สำหรับการขนส่งระหว่างศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด และคลังสินค้าของคาทูนนาที ในจังหวัดระยอง ส่งผลให้ศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด กลายเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของโคเวสโตรที่นำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการขนส่งเม็ดพลาสติกแบบไม่บรรจุหีบห่อ (bulk truck) โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 รถ EV เหล่านี้จะวิ่งรับ-ส่งสินค้าครอบคลุมระยะทางมากกว่า 200,000 กิโลเมตรต่อปี ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 400 ตันต่อปี เทียบเท่ากับการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการปลูกต้นไม้ 20,000 ต้น
โครงการนี้สะท้อนถึงความร่วมมือระยะยาวและวิสัยทัศน์ร่วมด้านสิ่งแวดล้อมของทั้งสองบริษัท โดยการนำรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการดำเนินงานประจำวัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมสร้างอนาคตที่สะอาดและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
“การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของเรา” นายเคนนี แวน เดอร์ บีเคน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาทูนนาที เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “รถบรรทุก EV เหล่านี้ เมื่อผนวกกับโครงการอื่น ๆ เช่น การขยายการใช้แผงโซลาร์เซลล์ และการใช้รถยกไฟฟ้า จะช่วยให้เราลดการปล่อยก๊าซ CO₂ ลงได้ถึง 33% ในการดำเนินงานของเรา”
เพื่อการบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Scope 3) เป็นศูนย์ภายในปี 2593
โคเวสโตรได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบทุกขั้นตอนในห่วงโซ่อุปทาน การลดการปล่อยก๊าซทางอ้อมทั้งจากต้นน้ำและปลายน้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคิดเป็นประมาณ 80% ของการปล่อยก๊าซทั้งหมดของบริษัท
“ความร่วมมือระหว่างโคเวสโตรและคาทูนนาทีในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่เป็นรูปธรรมของเราต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกภาคส่วนของห่วงโซ่อุปทาน โครงการนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศไทย และสามารถต่อยอดไปใช้ในสถานที่ปฏิบัติงานอื่น ๆ ของโคเวสโตรทั่วโลกได้” นายชัยยุทธ แจ้งเจนรบ ผู้จัดการศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด บริษัท โคเวสโตร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริม
ในก้าวถัดไปของการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์สีเขียว โคเวสโตรกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำระบบลำเลียงเม็ดพลาสติกแบบใช้ไฟฟ้ามาใช้แทนระบบที่ขับเคลื่อนด้วยดีเซลในปัจจุบันที่ศูนย์การผลิตโคเวสโตร มาบตาพุด โดยโครงการนี้ได้มีการพัฒนาร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ คาทูนนาที และถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ โดยยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจผ่านความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์