Authority & Harm
โดรนนับ10ลำบินท้าทายอำนาจที่ปราจีน ผู้ว่าฯมึนได้แค่ขู่หมดปัญญาหาทางสอย

ปราจีนบุรี- กลางดึก!ยันเที่ยงคืนพบโดรนนับ 10 ลำพุ่งเป้าบินเหนือพล.. 2 รอ. หรือ “บูรพาพยัคฆ์”พรึ่บ! เป็นคืนที่ 4 พร้อมพื้นที่ อ.ประจันตคามชาวบ้านขอให้เครื่องแอนตีโดรนในการหยุดบินนำเครื่องโดรนลงต่อไป
ช่วงกลางดึก เวลา 22.55 น.วันที่ 4สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี พบในไลน์กลุ่ม “ผู้ว่าพบสื่อมวลชน จ.ปราจีนบุรี นายกองตรีปพนศกดิ์ ขันติชัยมงคล นายอำเภอประจันตคาม รายงานแจ้งว่า อำเภอได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหลายหมู่บ้าน ในตำบลโพธิ์งาม ว่าพบโดรน จำนวน 4-5 ลำ บินวนอยู่ในพื้นที่หมู่ 17 หมู่ 10 หมู่ 2 หมู่ 16 หมู่ 3 หมู่ 19 หมู่ 15 ขณะรายงานบางเครื่องบินไปทางตำบลดงขี้เหล็ก อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี นอกจากนี้ ได้รับรายงานว่าพบโดรนที่ ม.8 ต.หนองแก้วด้วย
ผู้สื่อข่าวสอบถามนายกองตรีปพนศักดิ์ กล่าวว่า ทางผู้ใหญ่บ้านขออนุญาตยิงแต่คาดยิงไม่ถึงจึงไม่อนุญาต ได้แจ้งให้ทาง ผกก.สภ.ประจันตคามติดตามตรวจสอบ และ รายงานทางผู้บังคับบัญชาในการพิจารณานำเครื่องแอนตีโดรนในการหยุดบินนำเครื่องโดรนลงต่อไป แต่ยังมีชาวบ้านหลานคนพยายามใช้หนังสติ๊กยิงแต่ไม่ถึง
ด้านนายเอก วงศ์จินดา นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการรายงานว่า รับแจ้งจากประชาชนว่ามีโดรน บินอยู่เหนือศาลากลาง อบต.ไม้เค็ด อ.เมืองปราจีนบุรี จำนวน 4-5 ลำ เดินออกมาดูหน้าอนุสาวรีย์ ร.5 พบ บินอยู่จริงบินตามกันไปทาง อบต.ไม้เค็ด อ.เมืองปราจีนบุรี และรายงานต่อมาระบุว่า จากการพิจารณาอยู่สักพัก คาดว่าน่ากลัวจะเป็นเครื่องบิน มีเส้นทางเดิมๆ บินซ้ำๆ ทางเดิม นายเอก ระบุ
พร้อมพบชาวบ้านหนองทะเล หมู่ 4 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมืองปราจีนบุรี พากันยืนคอยดูโดรนริมถนนสายสุวรรณศร (ตัดใหม่) หรือสาย 33 (ตัดใหม่) ที่มีการพบโดรนบินมากกว่า 10 ลำ โดยย่านตำบลดงขี้เหล็ก มีชาวกัมพูชามารับจ้างเป็นแรงงานจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไป ศูนย์วิทยุ 191 ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งจากพนักงานรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยชื่อดัง พบโดรนจำนวน 7-10 ลำบินหน้ามหาวิทยาลัย ก่อนบินเข้าไปเหนือหอพักชายภายในมหาวิทยาลัย ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี
นายไพสน จันทร์หอม อายุ 52 ปี หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย กล่าวว่า ดูจากทิศทางที่โดรนบิน1-3วันแรกบินมาจากฝั่งทางด้านวนอุทยานเขาอีโต้ซึ่งเป็นป่าตั้งทางด้านทิศเหนือติดกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ค่ายพรหมโยธียากแก่การติดตามจากฝ่ายทหาร หรือ ตำรวจ คืนที่ 4 นี้พบเปลี่ยนเส้นทางเลยออกไปขึ้นเลยไปทางด้านใกล้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งเป็นป่ายากแก่การติดตามเช่นเดิม
นอกจากนี้ ยังบินเลียบรอบๆ หน่วยทหารหลายหน่วยขึ้นตรงกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ หรือ “บูรพาพยัคฆ์” อำเภอเมืองปราจีนบุรีค่ายพรหมโยธี ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัย หลายหน่วย อาทิ หน่วยทหารปืนใหญ่ , กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล (ร้อย ลว.) , กองร้อยต่อสู้รถถัง (ร้อย ตถ.) โดยไม่สามารถระบุจุดปล่อยหรือควบคุมได้ชัดเจน ในระดับความสูงกว่า 30 -40 เมตร มองเห็นชัดเจน พบพนักงานรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย , ฝ่านทหาร ,เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี , สื่อมวลชนให้ความสนใจรายงานสถานการณ์
สำหรับกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) หรือ “บูรพาพยัคฆ์” คืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนที่ 4 ที่พบโครนเข้าบินลาดตระเวนหน่วยทหาร ซึ่งในค่ายมีหน่วยทหารจำนวนหลายเหล่าเป็นหน่วยขึ้นตรง ทั้งทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ทหารช่าง ฯลฯ เป็นกำลังรบหลักของภาคตะวันออก โดยเฉพาะราบยานเกราะเป็นส่วนหนึ่งของหน่วย โดยกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) เป็นหน่วยขึ้นตรงของ พล.ร.2 รอ. และมีกองร้อยทหารราบยานเกราะ (ร.2 พัน.3 รอ.). กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ถือเป็นกองพลทหารราบยานเกราะเต็มรูปแบบเพียงกองพลเดียวของกองทัพบกไทย
ต่อมา เวลา 0.20 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พ.ต.อ. ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี กล่าวว่า พื้นที่ จ.ปราจีนบุรีได้รับพบโดรนในพืเนที่ได้จัด จนท.ตรวจสอบติดตามและรายงาน กอ.รมน. โดยทาง ผวจ.ปราจีนบุรีได้มีหนังสือสั่งการทำแผนทำแผนกสรพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง สั่งการห้ามบินโดรนทุกการใช้งานทุกกรณีช่วงสถานการณ์ชายแกนไทยกัมพูชา ประกาศเตือนพร้อมแจ้งโทษตาม พ.ร.บ.เดินอากาศ และทางปกครองทางทหาร มีอำนาจการทำลายได้ หากพบเห็นแจ้งหน่วยทหารที่ กองพล ร 2 รอ. , มทบ.12 , ตำรวจภูธร จ.ปราจีนบุรี ฝ่ายปกครอง จ.ปราจีนบุรี
เมื่อ มีโดรนมีกล้องบันทึกภาพทุกกรณี นน.2 กก.ขึ้นไป ต้องไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง ที่สำนักการบินพลเรือน , กสทช. พ.ต.อ. ประสงค์ กล่าว
และกล่าวต่อ ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกประกาศห้ามการบินโดรนทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม ถึง 15 สิงหาคม 2568 เพื่อรักษาความปลอดภัยและความมั่นคง โดยจังหวัดปราจีนบุรีอยู่ในรายชื่อ 14 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง หากผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ.2497 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พ.ต.อ. ประสงค์ กล่าว
มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ณัฐนันท์-ภาพ/ ปราจีนบุรี