Biz news
บี.กริมเพาเวอร์เผยผลดำเนินงานQ2/68 ลูกค้าอุตฯแกร่งเพิ่มพันธมิตร-เปิดCOD

กรุงเทพฯ-บี.กริม เพาเวอร์ เผยผลดำเนินงาน Q2/68กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมแกร่ง ลุยขยายพันธมิตร- เปิด COD โครงการพลังงานหมุนเวียนขับเคลื่อนพลังงานสะอาด
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2568มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่475ล้านบาทและงวด 6 เดือน อยู่ที่ 1,224 ล้านบาท สำหรับEBITDA อยู่ที่ 3,732ล้านบาทลดลงจากปีก่อน4.7%และช่วง 6 เดือน ลดลงจากปีก่อน 1.2% ขณะที่มีกำไรสุทธิ – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่7ล้านบาทลดลงจาก229ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยได้รับผลกระทบจากการชำระคืนค่าก๊าซย้อนหลัง(AF gas cost)ช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566รวมถึงค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้นรวมถึงผลขาดทุนจากFX ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง(เป็นรายการที่ไม่กระทบกระแสเงินสดจากการแปลงมูลค่ายอดหนี้คงเหลือสกุลดอลลาร์สหรัฐและสกุลต่างประเทศอื่นๆด้วยอัตราแลกเปลี่ยนณวันสิ้นงวด)
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/2568 ยังมีปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยหนุนผลดำเนินงานได้แก่1.ปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม(IUs) ในประเทศที่เพิ่มขึ้น1.3%เมื่อเทียบกับปีก่อน2.รายได้การให้บริการที่สูงขึ้นจากการพัฒนาโครงการ3.ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ดีขึ้นและ4.กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่เกิดขึ้นจริง
นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ มีการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ในประเทศจำนวน13.8 เมกะวัตต์ทำให้ยอดรวมเป็น20.7 เมกะวัตต์ในช่วง 6 เดือนแรก และบริษัท บี.กริมแอลเอ็นจี จำกัด ยังได้นำเข้าLNGจำนวน2ลำในเดือนมีนาคม และเมษายน รวมจำนวนประมาณ130,000ตัน(6.7 ล้าน MMBtu) เข้าสู่ระบบPool Gasเพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของ บี.กริม เพาเวอร์ และในเดือนพฤษภาคม B.Grimm Solar Power Inc. บริษัทย่อยที่บี.กริมเพาเวอร์ถือหุ้น100%ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทCaronsi Solar Energy Corporation ผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิต65เมกะวัตต์ ตอกย้ำการขับเคลื่อนด้านพลังงานสะอาด และขยายการลงทุนของ บี.กริม เพาเวอร์ ในภูมิภาคอาเชียน ต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน บริษัทดิจิทัลเอดจ์บี.กริม (ประเทศไทย) จำกัดที่Digital Edge B.Grimm (TH) Holdings Pte. Ltd. ถือหุ้นทั้งหมดได้ลงทุนเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในจังหวัดชลบุรีกำลังโหลดไอทีรวม96 เมกะวัตต์โดยในเฟสแรกตั้งเป้าหมายเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในไตรมาสที่ 4 ปี 2569 ด้วยกำลังโหลดไอที48 เมกะวัตต์
กลยุทธ์สำคัญของ บี.กริม เพาเวอร์ ยังเดินหน้าผนึกพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศโดยในเดือนเมษายน ได้เข้าร่วมงานIGNITE Thailand-Korea Business Forum ที่กรุงโซลซึ่งดร. ฮาราลด์ลิงค์ได้แบ่งปันวิสัยทัศน์ของบี.กริมในเรื่อง "การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี" (Doing Business with Compassion) ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทฯได้รับความไว้วางใจให้เป็นบริษัทเอกชนต่างชาติรายแรกที่ได้รับอนุญาตให้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศเกาหลี และในเดือนมิถุนายน 2568ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะเวลา 20 ปีกับบริษัทพีทีทีโกลบอลเคมิคอลจำกัด (มหาชน) หรือPTTGC สำหรับโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปขนาด 8 เมกะวัตต์ที่โรงงานของPTTGC ในมาบตาพุดพร้อมกันนี้ ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัทDruk Green Power Corporationพัฒนาโครงการพลังงานน้ำและพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นการลงทุนด้านพลังงานครั้งแรกของบี.กริมเพาเวอร์ในภูฏานโดยมีนายกรัฐมนตรีเชอริงต๊อบเกย์ร่วมเป็นสักขีพยานตอกย้ำความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างกันเพื่ออนาคตพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน
ตอกย้ำความสำเร็จด้วยรางวัลและประกาศเกียรติคุณบี.กริมเพาเวอร์ได้รับ 5 รางวัลจากงานThe 15th Asian Excellence Awards 2025 จัดโดยCorporate Governance Asia นิตยสารด้านการเงินชั้นนำในฮ่องกงและเอเชียตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบี.กริมเพาเวอร์ในการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลที่ดีการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและการสร้างมูลค่าในระยะยาวให้กับองค์กร
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์กล่าวว่า มองแนวโน้มช่วงครึ่งหลังของปี2568เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงเนื่องจากสินค้าส่งออกกำลังเผชิญกับอุปสรรคจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯและการบริโภคภาคเอกชนจะชะลอตัวลงตามรายได้และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอลงซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้านิคมอุตสาหกรรมลดลงประมาณ5-10%เมื่อเทียบกับปี2567 อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่โดยเฉพาะกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและไม่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลจะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าวขณะเดียวกันสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและประเทศเศรษฐกิจหลักอาจส่งผลในเชิงบวกผ่านราคาก๊าซธรรมชาติที่อาจลดลงโดย
บี.กริม เพาเวอร์ ได้ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่องเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้าอุตสาหกรรมบางรายพร้อมร่วมกันพัฒนากลยุทธ์ในการรับมือและมาตรการบรรเทาผลกระทบอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ได้คาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก(SPP)อยู่ที่310-330บาทต่อล้านBTU ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับปี2567 ที่ราคาก๊าซธรรมชาติ324บาทต่อล้านBTU โดยบริษัทฯ วางแผนนำเข้าLNG ไม่เกิน5ลำเพื่อนำเข้าสู่ระบบPool Gas และตั้งเป้าเพิ่มลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม (IUs)รายใหม่เชื่อมเข้าระบบรวม40-50เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันมีโครงการต่างๆที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะ COD ในช่วงปีนี้ ถึงปีหน้าได้แก่ 1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา(เฟส1)18เมกะวัตต์2.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์"อินทรีบี.กริม”80เมกะวัตต์3. โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “จงเช่อรับเบอร์”ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้จังหวัดระยอง35 เมกะวัตต์4.โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา“386”18.8เมกะวัตต์5.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง“Nakwol 1” 365เมกะวัตต์ และ 6.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์“ARECO” 65 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.18 บาทอต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกปี 2568 โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมายXD วันที่26สิงหาคม2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่10 กันยายน2568