In News

ผู้ว่าฯแปดริ้วบวงสรวงองค์หลวงพ่อโสธร ถวายไข่ต้ม109,999ฟอง-เปิดงานปี63



ฉะเชิงเทรา-จังหวัดฉะเชิงเทราบวงสวรงองค์หลวงพ่อโสธร 130 ปีบวงสรวงหลวงพ่อ โสธรไข่ต้ม 109,999 ฟองพร้อมเปิดงานนมัสการหลวงพ่อโสธรและงานประจำปี 63  พร้อมเปิดงานโดยริ้วขบวนรถหลวงพ่อโสธรจำลองแห่รอบเมือง เพื่อให้ประชาชนใด้สักการะรับประพรมน้ำพระ พุทธมนต์และรับใด้สายสิญจน์เพื่อความเป็นสิริมงคล

28 ต.ค.63  เวลา 07.45 น. นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนางจันทรรัตน์ ไตรติลานันท์ นายสรายุทธ แก้วกุลปรีชา รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราช การ ภาคเอกชน พ่อค้า และประชาชนชาวฉะเชิงเทรา  ร่วมประกอบพิธีบวงสรวงพระพุทธโสธรตามแบบโบราณประเพณีที่ปฏิบัติต่อกันมายาวนาน ประกอบด้วย เครื่องสังเวยชุใหญ่ ไข่ไก่ จำนวน 109,999 ฟอง  ประทับด้วยยันต์สีแดง ซึ่งหลังจากเสร็จพิธีบวงสรวงแล้วไข่ไก่จะแจกจ่ายให้ประชาชนตามท้องที่อำเภอต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล  จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เปิดงานนมัสการหลวงพ่อโสธร ปีที่ 130 และงานประจำปีจังหวัดปี 63 อย่างเป็นทางการโดยมีริ้วขบวนรถแห่หลวงพ่อโสธรจำลอง เพื่อให้ประชาชนได้รับการประพรมน้ำพระพุทธมนต์และรับสายสิญจน์ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัวสำหรับริ้วขบวนยิ่งใหญ่สวยงามตระการตาโดยขบวนจะเคลื่อนไปรอบเมืองย่านการค้าในตลาด ในปีนี้ยังใด้รับการสนับสนุนรถบัสไฟฟ้าโดยสารจากบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้ ได้นำรถยนต์บัสไฟฟ้าโดยสารที่ผลิตโดยคนไทยเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นในจังหวัดฉะเชิงเทรา (Smart City) ที่ตกแต่งสวยงามร่วมในขบวนแห่อีกด้วยปีนี้ จัดอย่างยิ่งใหญ่เพื่อให้สมเกียรติหลวงพ่อส่วนงานจะกำหนดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม - 8 พฤศจิกายน 2563 รวม 12 วัน 12 คืน ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทราโดยบริษัทกฤษดากรุ๊ป ภายในงานมีการจัดนิทรรศการของส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ และภาค เอกชน  การออกร้านจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดฉะเชิงเทรา และการแสดงดนตรีจากศิลปินค่ายต่างๆ มากมาย สำหรับองค์  หลวงพ่อโสธรนั้น

ชาวบ้านสมัยปู่ย่าตา ทวดเล่าขานต่อๆกันมาตามประวัติโบราณว่าหลวงพ่อทั่งสามองค์คือหลวงพ่อโต หลวงพ่อโสธร และหลวงพ่อแหลมทั้ง 3 องค์ได้แสดงอภินิหาร เคลื่อนองค์ลงสู่แม่น้ำปีง และล่องลงมาทางไต้ตลอดวันจนกระทั้งมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงบริเวณที่ปัจจุบันเรียกกันว่า
"สามสน" ได้แสดงปฏิหาริชัดลอยขึ้นมาให้ชาวบ้านชาวมืองพบห็น ทำให้ชาวบ้านเกิดศรัทธาพยายามเรียกผู้คนละแวกนั้นมาช่วยกันฉุดดึงหลวงพ่อทั้ง3 องค์ขึ้นฝั่ง กระทำกันอยู่ 3 วัน 3 คืนก็ฉุดไม่ขึ้น เล่ากันว่าผู้ คนมาช่วยกันฉุดเป็นแสน ๆ คนถึงกระนั้นก็ยังกระทำการไม่สำเร็ด ตำบลที่เกิดเหตุ การณ์นี้ ชาวบ้านพากันเรียกว่า"สามแสน" นานเข้าเพี้ยนเสียงเป็น "สามแสน" อย่างที่เรียกกันในปัจจุบันส่วน หลวงพ่อทั้ง 3 องค์ กลับจมน้ำลงไปจนกระทั้งลอยล่องเข้าสู่คลองพระโขนงเลี้ยวลัดเลาะไปตามลำน้ำจนไปเข้าแม่น้ำบางปะกง ก่อนที่จะถึงวัด ได้ลอยผ่านคลอง ซึ่งทุกวันนี้เรียกว่าคลองชักพระ ก็เนื่องจากหลวงพ่อได้แสดงปฏิหาริย์ ลอยขึ้นมาให้ชาวบ้านพบห็น เมื่อชาวบ้านเห็นพระพุทธรูปลอยน้ำมาเช่น นั้นก็เกิดศรัทธา ต้องการให้ชักพระทั้งสมองค์ขึ้นจากน้ำ จึงได้บอกบุญให้ชาวบ้านละแวกนั้นประมาณ 3พันคนมาช่วยกันชักพระขึ้นจากน้ำ พขายามเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ภายหล้งหตุการณ์ดังกล่วชาวบ้านพากันเรียกคลองนี้ว่า "คลองชักพระ" หลังจกนั้นหลวงพ่อทั้ง 3 องค์ ก็ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปทางหัววัดอีก อาศัยแรงคนประ มาณ 500 คนช่วยกันฉุดขึ้นฝั่งแต่ไม่สำเร็จสถานที่แห่งนั้นจึงมีคนเรียกว่า "วัดสามพระหวน" นานๆ เข้าจึงเพี้ยนเสียงว่า "วัดสัมปทวน" จากนั้นหลวงพ่อก็ลอยไปตามแม่น้ำบาง ปะกงจนกระทั้งเลยผ่านหน้าวัดโสธร ไปจนถึงคุ้งน้ำใต้วัดโสธร หลวงพ่อแสดงปฏิหารย์ให้ชาวบ้นพบเห็นอีกพวกชาวบ้านพากันช่วยฉุดหลวงพ่อขึ้นฝั่งฉุดเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ภายหลังเหตุกรณ์นี้ชาวบ้านจึงเรียกหมู่บ้านและคลองนั้นว่า "คลองบางพระ" ตราบจนทุกวันนี้ จากนั้หลวงพ่อก็ลอยทวนกระแสน้ำวนอยู่ที่หัวเลี้ยวบริเวณกองพันทหารช่างที่ 2หรือค่ายศรีโสธร ณ สถานที่ที่หลวงพ่อลอยวนอยู่นั้น ปัจจุบัน เรียกว่า "แหลมหัววน" และคลองที่ลอยน้ำมานั้น เรียกว่า "คลองสองพี่น้อง" หลังจากนั้นหลวงพ่อจึงลอยขึ้นมาที่วัดหงส์หรือวัดโสธรวรารามวรวิหารในปัจจุบัน

วัดโสธรวรารามวรวิหาร เดิมชื่อวัดหส์ สภาพภูมิ ศาสตร์ของวัดนี้มีลักษณะดี ตามลาโหราศาสตร์เรียกว่า "มีภูมิลักษณะประเสริฐ" กล่าว คือ ตั้งอยู่บนแหลม เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่ธรณีสงฆ์รักษาพระ ศาสนาสืบต่อไปตมรรรมยมจีน (ที่รียกกันว่า "ฮวงจุ้ย") สถานที่มีลักษณะดังกล่าวเรียกว่า "ที่มังกร"

หากหลวงพ่อได้ประทับ ณ สถานที่แห่งนี้ จะเกิดรัศมีบารมีและความศักดิ์สิทธิ์จะรักษาบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาสืบต่อไปหลวงพ่อจึงยอมขึ้นฝั่งประทับ ณ วัดหงส์ หรือวัดโสธรแห่งนี้ในเดือนยี่ติดต่อเดือนราวพ.ศ. 2313 ตามที่สืบต่อกันมาว่า หลวงพ่อฯ ได้ประดิษฐานอยู่ที่วัดตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ชื่อวัดหงส์อยู่โดยตรวจสอบจากประวัติและหลักฐานการสร้างวัดตามประวัติกล่าวไว้ว่า เมื่อหลวงพ่อฯแสดงปฏิหาริย์ลอยน้ำมาขึ้นที่หน้าวัดหงส์ ชาวบ้านพบ เห็นกันหลายคน ต่างเกิดศรัทธาอยากอัญเชิญให้มาอยู่ที่วัด จึงบอกบุญและเกณฑ์แรงงานผู้คนละแวกนั้นมาช่วยกันฉุดเป็นจำนวนมาก แต่ฉุดเท่าไร ก็ไม่ขึ้นจกกระทั่งมีอจารย์ท่านหนึ่งรู้วิธีการอัญเชิญหลวงพ่อฯ โดยตั้งพุธีบวงสรวง แล้วใช้สายสิญนจน์คล้องกับพระ หัตถ์หลวงพ่อ แล้วอัญเชิญหลวงพ่อขึ้นมาบนฝั่ง โดยใช้คนเพียงไม่กี่คนก็สมารถอัญชิญขึ้นประดิษฐานในวิหารได้สำเร็จตามความประสงค์และความศรัทธาของชาวบ้านจากนั้นมีการจัดงานสมโภชน์ฉลององค์หลวงพ่อโสธรหลังจากหลวงพ่อไประทับที่วัดหงส์รียบร้อยแล้ว ชาวบ้านยังไม่รู้จักชื่อเสียงของหลวงพ่อเข้าใจว่าหลวงพ่อๆท่านต้องการชื่อเดิมของท่าน ซึ่งแต่เดิมหลวงพ่อๆประทับที่วัดศรีเมืองทางภาคเหนือชาวบ้านจึงเรียกว่าพระศรีหลวงพ่อว่า "พระศรี" แต่องค์หลวงพ่อๆ ประสงค์จะใช้นามว่า "หลวงพ่อพุทธศรีโสธร" จึงได้มีเหตุการณ์หลาย ๆ อย่าง คลบันดานให้เกิดพายุพัดเอาหงส์ที่ติดอยู่บนยอดเสาธงหักลงมา ชาวบ้านพากันแก้ไขเปลี่ยนเสาธงและเรียกขานกันไม่เพราะ จึงพร้อมใจกันเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า"วัดโสธร"หรือวัดศรีโสธรซึ่งคำว่า"โสธร"นั้นแปลว่า"พี่น้องร่วมท้องกัน "ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่หลวงพ่อสามองค์ลอยน้ำมาจากทางเหนือมาปรากฏที่หน้าวัดพอดี งานประจำปีของหลวงพ่อโสธรนั้นจัดกันปีละ 3 ครั้ง ดังนี้
ครั้งแรก งานวันเกิดของหลวงพ่อโสธร คือกลางเดือน 5 มีงาน 3 วัน 3 คืน
ครั้งที่ 2 งานกลางเดือน 12 มีงาน 5 วัน 5 คืน
ครั้งที่ 3 งานตรุษจีน มีงาน 5 วัน 5 คืน

งานนมัสกรหลวงพ่อโสธรครั้งแรกนั้น ตามตำนานเล่าว่าเมื่อประชชนพากันอาราธนาหลวงพ่อฯ ขึ้นหน้าวัด แล้วอัญชิญมาปะดิษฐานในพระอุโบสถชาวบ้านและทางวัดจัดงานสมโภชถวาย ตั้งแต่นั้นมาถือเป็นประพณีต้องจัดงานสมโภชถวายหลวพ่อฯเป็นประจำ ตลอดมาถึงทุกวันนี้ งานที่กล่าวนี้ เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่วันขึ้น 14-15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 5 รวม 3 วัน 3 คืน มีมหรสพสมโภชตลอดงาน และถือกันว่าเป็นงานวันเกิดของหลวงพ่อโสธร

ชวลิต ด้วงเงิน/ฉะเชิงเทรา