Authority & Harm

รำลึก1ปีโคกนาฏกรรมรถไฟชนทัวร์กฐิน สังเวย19ศพไม่มีเครื่องกั้นสัญญาณ



ฉะเชิงเทรา-หนึ่งขวบปีผ่านไปเหมือนไฟไหม้ฟาง จากเหตุโศกนาฎกรรมขบวนรถไฟชนรถทัวร์งานบุญกฐิน 19 ศพ ชาวบ้านเร่งหารือผู้นำชุมชนเตรียมจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของผู้เคราะห์ร้ายที่ยังวนเวียนอยู่ภายในบริเวณสถานีรถไฟบ้านคลองแขวงกลั่น หลังยังคงมีผู้พบเห็นสิ่งลี้ลับปรากฎให้เห็นอยู่ภายในสถานีร้าง ขณะเครื่องกั้นรถไฟยังไม่มีมาดังเดิม

วันที่ 17 ก.ย.64 เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสันต์ เกษมสุข อายุ 63 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.7 บ้านคลองแขวงกลั่น  ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ว่าในช่วงต้นเดือน ต.ค.64 นี้ ตนเองพร้อมด้วยชาวบ้านกำลังเตรียมที่จะเข้าไปหารือกับทางพระสมุสมนึก รองเจ้าอาวาสวัดบางปลานัก ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.10 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ชาวบ้านจะจัดพิธีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ผู้ที่เดินทางมาเสียชีวิตในบริเวณนี้ทั้ง 19 ราย

จากอุบัติเหตุขบวนรถไฟบรรทุกสินค้า พุ่งชนกับรถบัสของคณะทัวร์กฐิน ที่กำลังจะเดินทางมาร่วมทำบุญทอดกฐินยังที่วัดบางปลานัก เมื่อวันที่ 11 ต.ค.63 ที่ผ่านมาและกำลังจะครบรอบ 1 ปีเต็ม ของเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้น โดยจะเป็นการจัดงานทำบุญตักบาตรขึ้นเล็กๆ ซึ่งจะมีพิธีในช่วงเช้าจากนั้นจะถวายสังฆทาน บังสุกุลให้แก่ผู้ที่เสียชีวิต เท่านั้น ที่บริเวณสถานีรถไฟ “คลองแขวงกลั่น” ในจุดเดิมข้างรางรถไฟตรงจุดเกิดเหตุ 

ส่วนการปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับด้านความปลอดภัย ทั้งสัญญาณเตือน และเครื่องกั้นยังไม่มีการเข้ามาดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมอะไรมากนัก โดยมีเพียงป้ายเตือนขนาดใหญ่ บ่งชี้ให้ระวังถึงจุดอันตรายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ของทาง อบจ.ฉะเชิงเทรา ที่ถูกนำมาติดตั้งไว้ และป้ายไฟกระพริบเตือนขนาดเล็กของทาง อบต.บางเตย ที่ถูกนำมาติดตั้งเพิ่มเติมเท่านั้น ส่วนสัญญาณไฟกระพริบพร้อมสัญญาณเสียงเตือนให้หยุดรถ ตรงบริเวณจุดตัดขอบรางรถไฟนั้น เพิ่งมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำการซ่อมแซมจนสามารถใช้การได้แล้วในวันนี้เป็นวันแรก แต่ยังไม่มีเครื่องกั้นมาติดตั้งให้ นายสันต์ กล่าว

ด้าน นางสวิง สุขสำอาง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/3 ม.7 ต.บางเตย เจ้าของร้านค้าอาหารตามสั่ง ซึ่งตั้งอยู่ริมทางรถไฟใกล้ที่เกิดเหตุ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ประหลาดชวนขนหัวลุกที่เกิดขึ้นโดยมีชาวบ้านในหมู่บ้านมาพบเห็นเหตุการณ์หลายคนว่า เมื่อหลายเดือนก่อนบุตรสาวของคนในหมู่บ้านซึ่งทำงานอยู่ภายในโรงพยาบาลประจำ จ.ฉะเชิงเทรา ได้เดินทางกลับเข้ามาที่บ้านในหมู่บ้านช่วงหลังเที่ยงคืน ได้พบเห็นชายรูปร่างอ้วนท้วม เดินจากบริเวณป้ายของสถานีรถไฟเข้าไปยังที่ตัวสถานีรถไฟร้าง 

โดยมองไม่เห็นศีรษะของคนที่กำลังเดินอยู่บนชานชาลาของสถานี ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกเนื่องจากตนเองมีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่อาศัยติดอยู่กับรางรถไฟและใกล้กับจุดเกิดเหตุมากที่สุดเพียงกว่า 10 เมตร กลับไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติอะไรเกิดขึ้นมาก่อนเลย จนถึงขณะนี้เกือบจะครบรอบ 1 ปีเต็มแล้ว แต่ก็ยังมีชาวบ้านอีก 2-3 ราย เช่น บุตรของกำนันรายหนึ่ง ซึ่งทำงานอยู่ในห้างสรรพสินค้าประจำท้องถิ่นในตัวจังหวัด และเลิกงานกลับดึกได้มาเล่าให้ฟังว่าได้เห็นชายรูปร่างท้วมไม่มีศีรษะนั่งอยู่ที่สถานีก็มี นางสวิง กล่าว

ส่วนด้าน นายน้อย บุญถาวร อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/1 ม.7 ต.บางเตย บิดาของหญิงสาวที่เคยมาพบเห็นภาพเหตุการณ์หลอนประหลาดเกิดขึ้นในสถานีรถไฟ “คลองแขวงกลั่น” เล่าว่า สำหรับตนเองนั้นยังไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์ประหลาดอะไรเกิดขึ้นในบริเวณจุดเกิดเหตุ ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าตู้คอนเทรนเนอร์พุ่งชนรถทัวร์กฐินเช่นเดียวกัน แต่ได้มีบุตรสาวคนโตซึ่งมีอาชีพเป็นแม่ค้าอยู่ในตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา 

ที่ได้เดินทางกลับบ้านเข้ามาส่งผู้เป็นน้องสาว คือ บุตรสาวของตนอีกคน ซึ่งทำงานเป็นพยาบาลอยู่ใน รพ.ประจำตัวจังหวัดแห่งหนึ่ง เมื่อหลายเดือนก่อนในช่วงเวลาหลังจากเที่ยงคืนไปแล้ว มาเล่าให้ฟังว่าได้พบเห็นคนไม่มีศีรษะลักษณะเป็นชายรูปร่างท้วมเดินอยู่บนชานชาลาของสถานีรถไฟ โดยกำลังเดินมุ่งหน้าเข้าไปทางตัวสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่น ซึ่งตนก็ยังตำหนิบุตรสาวไปว่าผีอะไรไม่มีหรอกเพราะตนไม่เคยเห็น นายน้อย กล่าว

ขณะที่ นายสำราญ ทองวิจิตร อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/1 ม.7 ต.บางเตย กล่าวว่า ตนเองต้องใช้เส้นทางเข้าออกบ้านผ่านตรงจุดเกิดเหตุอยู่ทุกวัน โดยใช้เส้นทางจากบริเวณด้านข้างร้านค้าเลียบเข้าไปตามแนวของเส้นทางรถไฟซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟคลองแขวงกลั่นมากนัก โดยตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมานั้นตนก็ยังไม่เคยพบเห็นอะไรผิดปกติในบริเวณที่เกิดเหตุเช่นเดียวกัน แต่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีเกิดขึ้นบ้าง เช่น มีป้ายสัญญาณเตือนบอกถึงจุดอันตรายก่อนถึงจุดตัดทางรถไฟของทาง อบจ. ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมา

และเห็นแผ่นยางลูกระนาดที่บริเวณใกล้จุดหยุดรถ ก่อนถึงทางข้ามรางรถไฟ ที่เพิ่งถูกนำมาติดตั้งใหม่ แต่ได้หลุดหายไปจนหมดแล้ว หลังจากได้มีการนำมาติดตั้งได้แค่เพียง 3 เดือน และเห็นว่าได้มีการเข้ามาซ่อมแซมไฟกระพริบพร้อมสัญญาณเสียงเตือน ในขณะเมื่อมีขบวนรถไฟกำลังจะเข้ามาที่เพิ่งซ่อมเสร็จและใช้งานได้ในวันนี้เป็นวันแรก หลังจากได้มีการเข้ามาขุดซ่อมแซมและตั้งเสาเดินสายไฟใหม่มานานเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา และเห็นแสงไฟส่องสว่างมากขึ้นในเวลากลางคืน รวมถึงทัศนวิสัยที่เปิดโล่งมากขึ้น นายสำราญ กล่าว

สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา