Travel Sport & Soft Power
สผ.ตั้งค่าสำเนา2หมื่นบาทอีไอเอ.ผันน้ำ โครงการผันน้ำโขง-เลย-มูล
อุดรธานี-โผล่อีก! สผ. สกัดเอ็นจีโอ. ตอบแจ้งกลับ หากประชาชนอยากได้สำเนาอีไอเอ. โครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล ต้องจ่ายกว่า 20,000 บาท
วันที่ 19 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ 2 ฉบับ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ลงวันที่ 16 กันยายน 2564 แจ้งผลเรื่องการพิจารณารายงานโครงการบริหารจัดการน้ำโขงการโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วงระยะที่ 1 ช่วง ปากแม่น้ำเลย-เขื่อนอุบลรัตน์ ว่าตามที่เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ได้ส่งหนังสือขอข้อมูลรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประเภทโรงการพัฒนาแหล่งน้ำและเกษตรกรรม โครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง ระยะที่ 1 ช่วงปากแม่น้ำเลย-เขื่อนอุบลรัตน์ โดยพื้นที่โครงการจะครอบคลุม อ.เชียงคาน อ.ปากชม อ.นาด้วง จ.เลย อ.สุวรรณคูหา อ.นากลาง อ.โนนสัง อ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู อ.น้ำโสม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี และอ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่นนั้น คณะผู้ชำนาญการได้พิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโดยโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ(คชก.) ได้พิจารณารายงานเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 และมีมติให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือสทนช. และกรมชลประทาน ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขรายงานดังกล่าว และสทนช.จะต้องจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามติของ คชก. จนกว่าจะผ่านการพิจารณา
ขณะเดียวกัน สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน อีก 1 ฉบับ โดยระบุหนังสือออกวันที่ 13 กันยายน 2564 ว่า สผ. ได้รับรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการบริหารจัดการน้ำโขง เลย ชี มูล โดยแรงโน้มถ่วง ระยะที่ 1 ช่วงปากน้ำเลย เขื่อนอุบลรัตน์(ฉบับเดือนมีนาคม) ของกรมชลประทาน และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และบริษัทที่ปรึกษา ครีเอทีฟ เทคโนโลยี จำกัด และรายงานดังกล่าวได้นำเข้าสู่การประชุมของ คชก. เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ มีมติให้กรมชลประทาน และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ปรับปรุง แก้ไข และเพิ่มเติมข้อมูลในรายงานตามแนวทาง รายละเอียด ประเด็นหรือหัวข้อที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการ กำหนด ซึ่งปัจจุบัน ทางกรมชลประทานและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติยังไม่ได้จัดส่งรายงานที่ได้แก้ไขตามข้อคิดเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ มายัง สผ. แต่อย่างใด และในกรณีการขอเอกสารการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล ดังกล่าว ทาง สผ. ไม่ขัดข้อง แต่การขอคัดสำเนาเอกสารดังกล่าวจะต้องเสียค่าธรรมเนียมการขอสำเนาเอกสารขนาดเอ 4 หน้าละ 1 บาท จำนวน 5,050 หน้า เป็นเงิน 5,050 บาท ขนาดกระดาษเอ 3 หน้าละ 3 บาท จำนวน 55 หน้า เป็นเงิน 165 บาท รวมเป็นเงิน 5,265 บาท และหากให้รับรองสำเนาเอกสาร อัตราคำรับรองละ 3 บาท (5,105) จะมีค่าใช้จ่ายรวมเป็นเงิน 15,315 บาท ดังนั้นมีค่าใช้จ่ายร่วมเป็นเงิน 20,530 บาท ตามที่กำหนดในประกาศของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561
นายสุวิทย์ กุหลาบวงศ์ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขง อีสาน กล่าวว่า โดยเชิงหลักการ ประชาชนจะเอาข้อมูลมาดู มันควรเป็นสิทธิอันชอบธรรม เพราะประชาชนเป็นผู้ได้เสียจากโครงการ กรณีการขอรายงานอีเอไอโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล และโครงการผันน้ำยวม-เขื่อนภูมิพล ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ขณะนี้ ยิ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ประกาศของ สผ. ดังกล่าว คือกลไกที่ขัดขวางการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง มีการแก้ระเบียบให้ประชาชนได้ข้อมูลมาอ่านเพื่อการตรวจสอบโครงการ
“โครงการแต่ละโครงการใช้เงินหลักล้านล้านบาททั้งในการจัดทำรายงานการศึกษาและการจัดทำโครงการ ดังกรณีโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล แต่ทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลยากมาก ซึ่งทางภาคประชาชนได้เตรียมล่ารายชื่อเพื่อยื่นคัดค้านโครงการนี้ต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อเป็นการแสดงความไม่เห็นด้วย”
ด้านนายสิริศักดิ์ สะดวก ตัวแทนเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน กล่าวว่า คิดว่าชาวบ้านไม่ควรจะต้องจ่ายเงินในการได้เอกสารรายงานผลกระทบดังกล่าว เพราะพวกเขาคือคนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ ชาวบ้านจะมีแต่เสียกับเสีย ต้องเสียพื้นที่ให้กับโครงการ และต้องเสียสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของรัฐ
“รัฐไม่ควรจะมาเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียม รัฐต้องอำนวยความสะดวกให้ข้อมูลได้ถึงประชาชนมากกว่า อาจจะเป็นการคัดลอกข้อที่เป็นซีดีหรือออนไลน์ก็ได้ ทำหน้าที่เอื้ออำนวยให้ชาวบ้านเข้าถึงรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจทางนโยบายที่สำคัญ” นายสิริศักดิ์ กล่าว
โครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูล ระยะที่ 1 มีเป้าหมายเพื่อการผันปริมาณน้ำจากแม่น้ำโขงเข้ามายังพื้นที่ภาคอีสานของประเทศไทย จุดเริ่มต้นโครงการที่ปากแม่น้ำเลย อ.เชียงคาน จ.เลย ด้วยการปรับปรุงปากแม่น้ำเลย ขุดคลองชักน้ำ 1 แถว เจาะอุโมงค์แบบทางเปิดน้ำจำนวน 3 ช่วง คลองลำเลียงน้ำ 5 ช่วง รวมระยะทางการผันน้ำทั้งหมด 174 กิโลเมตร คาดว่าจะมีปริมาณน้ำผันจากแม่น้ำโขง 1,894 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็นในฤดูฝน 1307 ล้าน ลบ.ม. และ 587 ล้าน ลบ.ม. ในฤดูแล้ง ลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ยังไม่มีการพัฒนาระบบชลประทาน คาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาโครงการทั้งหมด 9 ปี งบประมาณ 157,045 ล้านบาท ทั้งนี้แผนการพัฒนาโครงการผันน้ำโขง เลย ชี มูลทั้งระบบ มีทั้งหมด 5 ระยะ ด้วยการพัฒนาอุโมงค์ผันน้ำ 17 แถว งบประมาณกว่า 1.9 ล้านล้านบาท โดยระบุมีการเสนอให้สร้างเขื่อนปากชม บนแม่น้ำโขงสายหลักในระยะที่ 3 และเขื่อนบ้านกุ่มในระยะที่ 5 ในแผนการพัฒนาโครงการดังกล่าวอีกด้วย ที่ผ่านมาเครือข่ายประชาชนในลุ่มน้ำโขง เลย มูล และชี ได้แสดงจุดยืนในการคัดค้านโครงการผันน้ำ เนื่องจากกังวลต่อความไม่คุ้มค่าของโครงการและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสานที่ผ่านมาเช่นกรณีโครงการโขง ชี มูล เป็นต้น