In News

กมธ.ต่างประเทศอดฟังเสียงเอฟ16 สิงคโปร์งดบินเร่งจี้ย้ายฐานฝึกไปน้ำพอง



อุดรธานี - นายศราวุธ เพชรพนมพร ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และคณะ เดินทางดูสภาพข้อเท็จจริงพื้นได้รับผลกระทบ มลภาวะทางเสียงที่เกิดจากการฝึกบินเครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศสิงคโปร์ ตามข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างกองทัพอากาศไทย และกองทัพอากาศสิงคโปร์

วันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 08.00 น. นายศราวุธ เพชรพนมพร ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายเกียรติ สิทธิอมร รองประธานฯ นายจักพล ตั้งสุทธิธรรม โฆษกฯ และคณะ เดินทางดูสภาพข้อเท็จจริงพื้นได้รับผลกระทบ มลภาวะทางเสียงที่เกิดจากการฝึกบินเครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศสิงคโปร์ ตามข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่างกองทัพอากาศไทย และกองทัพอากาศสิงคโปร์ จุดแรกไปที่ โรงเรียนอนุบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม และจุดที่สองไปที่ โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม

ซึ่งทั้งสองจุดได้รับผลกระทบ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำอุปกรณ์ตรวจวัดเสียงอากาศยาน มาติดตั้งเพื่อวัดระดับเสียง มาตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2564 เพื่อฟังเสียงของเครื่องบินขับไล่ เอฟ 16 ซึ่งมีกำหนดบินขึ้นในช่วงเวลา 08.30 น. และตรวจสอบกับเครื่องตรวจวัดเสียง แต่ไม่สามารถฟังเสียงเครื่องบิน F-16 ได้ทั้งสองจุด จึงได้ประสานไปยังกองบิน 23 ได้รับแจ้งว่าวันนี้หน่วยฝึกบินของสิงคโปร์ไม่ได้ฝึกบินแล้ว ทำให้คณะฯไม่ได้ฟังเสียง และต้องเดินทางกลับ 

นายศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ เปิดเผยว่า วานนี้หลังจากที่ได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบ ที่ร้องเรียนคณะกรรมาธิการการต่างประเทศใน ช่วงเดือนมีนาคมที่ผามา ชาวบ้านบอกว่าผลกระทบเรื่องเสียงน้อยลง เพราะมีการปรับตารางการบิน และลดเที่ยวฝึกบินให้ จากเดิมที่สิงคโปร์บินวันละ 8 เที่ยวก็เหลือ 4 เที่ยว ซึ่งข้อสรุปเมื่อวานที่น่ายินดี ที่ทางกองบิน 23 รับปากว่าจะย้ายฐานฝึกบินไปที่สนามบินน้ำพอง จ.ขอนแก่น ในช่วงระยะเวลาไม่เกิน 3-5 ปี ซึ่งมีการจัดสรรงบประมาณแล้ว โดยส่วนหนึ่งเป็นของกองทัพอากาศไทย และอีกส่วนเป็นของสิงคโปร์ เพื่อทำสนามบินที่น้ำพองให้สามารถฝึกบินได้ โดยจะทำการปรับปรุงรันเวย์ให้มีความยาวพอ และปรับปรุงที่พักและส่วนอื่น ๆ 

ผมว่าเรื่องนี้เป็นข้อสรุปที่ดี ซึ่งที่ผ่านมาในฐานะคนอุดรธานี มีการร้องเรียนเรื่องเสียงดังไป ไม่เคยมีคำตอบในเรื่องนี้เลย แต่จากการประชุมเมื่อวานนี้ ได้ข้อสรุปออกมา จะย้ายฐานการฝึกบินไปที่สนามบินน้ำพอง เป็นข้อสรุปที่ผมดีใจ และยินดีที่เป็นคำตอบให้พี่น้องประชาชน โดยคณะกรรมาธิการการต่างประเทศจะติดตามเรื่องนี้ต่อ โดยจะลงพื้นที่พร้อมสื่อมวลชนไปดูที่ อ.น้ำพอง ว่าสิ่งที่เขารับปากเรา ที่บอกว่ากำลังดำเนินการจริงหรือไม่ แล้วทางคณะกรรมาธิการฯ ได้พูดในที่ประชุมเมื่อวานว่า ถ้างบประมาณไม่เพียงพอ เราก็จะลองดูที่จะมาช่วยกันประสานในส่วนที่เราสามารถทำได้ ”

นายศราวุธฯ กล่าวอีกว่า การที่เราจะลงพื้นที่ไปดูที่สนามบินน้ำพอง เพราะจะดูว่าทางองบิน 23 ได้ทำตามที่มีการรับปากไว้หรือไม่ ซึ่งจะไม่กระทบกับสัญญา หรือข้อกฎหมายที่มีการทำไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะว่าที่สนามบินน้ำพอง ก็เป็นส่วนหนึ่งของฐานบินของกองบิน 23 ฉะนั้นการที่จะไปใช้สถานที่ที่น้ำพองก็ไม่ได้เป็นการผิดข้อตกลง ซึ่งทางท่านเกียรติ สิทธิอมร กรรมาธิการการต่างประเทศ ได้เสนอการแก้ปัญหาระยะสั้น โดยให้ทางสิงคโปร์จัดหาเครื่องมือที่เรียกว่า เครื่องดูดเสียงไปให้โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบจากระหว่างรอการย้าย 

นายเกียรติ สิทธิอมร กรรมาธิการการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ก่อนถึงวันที่จะย้ายฐานฝึกบินไปจริง ควรจะมีมาตรการลดปัญหาเรื่องเสียง ถ้าจะดำเนินการโดยตรงกับครู นักเรียน บุคลากรทางการแพทย์ คนไข้ในโรงพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบเรื่องเสียง ซึ่งเครื่องดูดเสียงมันจะมีทั้งระบบแนบหู และเป็นแบบระบบที่ติดตั้งในพื้นที่เลย ที่จะทำให้เสียงลดลงไปมากพอสมควร ซึ่งความจริงไม่ได้ใช้เงินเยอะ ไม่ใช่ของแพงแต่สามารถทำได้ ซึ่งความจริงไม่ใช่ เป็นภาระของทางสิงคโปร์ ซึ่งทางกองบิน 23 ที่รับผิดชอบในพื้นที่ ควรที่จะจัดหามาไม่ว่าจะหามาจากที่ไหนก็แล้วแต่ 

“นอกจากนี้ที่สนามบินฯ น่าจะจัดทำระบบแบริเออร์ หรือแผงกั้นสะท้อนเสียง บนรันเวย์ทางขึ้นลงของเครื่องบิน และด้านข้างของสนามบิน ควรลองพิจารณาดำเนินการดู หากทางเทคนิคสามารถเป็นไปได้ ถ้าทำได้ก็จะลดผลกระทบช่วงนี้ได้ ก่อนที่จะมีการย้ายฐานฝึกบินออกไปอย่างถาวร ซึ่งหากมีการย้ายออกไปจริง ๆ เพราะนี่เป็นเครื่องบินรบที่มีเสียงดัง เป็นเครื่อง เอฟ 16 และมีเครื่องบินรบจากทางจีนมาฝึกร่วมกัน ที่จะมีเสียงค่อนข้างดัง อันนี้เราต้องหาวิธีการให้อยู่ในกรอบกฎหมาย”