In News
เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯได้ร่วมใจสักการะร.1 ร้องขอความเป็นธรรมหลังถูกแทรกแซง
ราชบุรี - จนท.มูลนิธิฯ หมดที่พึ่ง ต้องร่วมตัวหันหน้าสักการะ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกแทรกแซงการบริหารงาน จนเกิดความแตกแยก ขณะที่ปรึกษามูลนิธิ เตรียมยื่นเรื่องขอความเป็นธรรม ต่อกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฏร และยื่นฎีกาถึงในหลวง รัชกาลที่ 10
เมื่อเวลา 10.09 น. วันที่ 10 ต.ค.64 ที่ลานหน้า พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 จนท.มูลนิธิประชานุกูล ราชบุรี กว่า 100 นาย ได้ร่วมใจเข้าสักการะขอพร รัชกาลที่ 1 เพื่อขอให้เมืองราชบุรี มีผู้บริหารปกครองเมืองที่ชอบด้วยคุณธรรม หลังถูกแทรกแซงการบริหาร มูลนิธิประชานุกูล ราชบุรี โดยทางจังหวัดได้ออกหนังสือแต่งตั้งผจก.ปกครองศาลเจ้ากวนอู ซ้ำซ้อนคณะผู้บริหารเดิม ซึ่งศาลเจ้ากวนอู เป็นสำนักงานที่ตั้งของมูลนิธิประชานุกูล ราชบุรี หลังแต่ตั้งได้ไม่นาน ผจก.คนใหม่ได้ฟ้องศาลจ.ราชบุรี ขับไล่มูลนิธิประชานุกูล ราชบุรี ให้ย้ายออกจากพื้นที่ พร้อมได้ฟ้องรองประธานมูลนิธิฯ และรองผจก.คนเดิม ในข้อหาขัดขว้างการทำงาน สร้างความแตกแยกในหมู่จนท.มูลนิธิฯ
หลังคณะผู้บริหารมูลนิธิฯ ได้ขอให้ทางจังหวัดแก้ปัญหาต่างๆ แต่กับไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้ทำงานช่วยเหลือสังคมโดยไม่แสวงหาผลประโยชน์ โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19 จนท.มูลนิธิฯ ได้ทำงานอย่างหนัก ในการขนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 และการช่วยเหลือประชาชน จึงทำให้จนท.ของมูลนิธิฯ ทุกคนไม่พอใจในการกระทำของทางจังหวัด จึงได้ทำเรื่องถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่เรื่องราวทั้งหมดก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข จนท.มูลนิธิฯ จึงได้ร่วมตัวกันที่ลานหน้า พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 1 เพื่อพ้นจากอุปสรรคและปัญหาทั้งปวง และขอให้เมืองราชบุรี มีผู้บริหารปกครองเมืองที่ชอบด้วยคุณธรรม
โดยภายหลังเข้าสักการะขอพรรัชกาลที่ 1 น.ส.จิราวรรณ สุวรรณเจริญ จนท.มูลนิธิฯซึ่งได้เป็นตัวแทนจนท.มูลนิธิฯ ได้อ่านคำแถลงการณ์ โดยมีใจความว่า ทางมูลนิธิประชานุกูล ราชบุรี ทำงานช่วยเหลือ บรรเทาสาธารณภัยเพื่อประชาชนมาโดยตลอด โดยมูลนิธิตั้งอยู่ ที่ 327 ถ.วรเดช อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งภายในรั้วมีศาลเจ้าพ่อกวนอู อาคารมูลนิธิ ศูนย์วิทยุไว้รับ-ส่งข้อมูลประสานงานช่วยเหลือประชาชน โดยมีนายสงวนชัย ตันเวทยานนท์ เป็นประธานมูลนิธิและผจก.ปกครองศาลเจ้า นายณรงค์ ศรีกาญจนเพริศ รองประธานเลขาผู้ตรวจการสอดส่งศาลเจ้า ตั้งแต่ปี 2536 รวมเวลา 28 ปี แต่ขณะนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่ผวจ.แต่งตั้ง นายถาวร ปัญญาธีระ วันที่ 3 ก.พ.64 เข้ามาเป็นผจก.ปกครองศาลเจ้าอีก 1 ท่าน โดยไม่ได้สอบถามพวกตนเลย เมื่อเข้ามาได้ใช้ศาลเจ้าพ่อกวนอูจัดงานต่างๆเพื่อหารายได้ทุกๆเดือน ไม่ได้เข้ามาขออนุญาตหรือปรึกษา บอกกล่าวอะไรกับผญ.ทางนี้เลย ทางผญ.ขอติดต่อทางทนาย นายถาวร ก็ไม่มีการตอบรับหรือประสานงานเข้ามาแต่อย่างใด ทางผญ.จึงต้องทำหนังสือให้ นายถาวร หยุดกระทำดังกล่าว แต่ นายถาวร ไม่ฟัง ไปยื่นฟ้อง จนวันที่ 28 เม.ย.64 ให้ทางมูลนิธิรื้อถอนหรือขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดิน
นายถาวร ยังจัดโต้ะรับบริจาคเงิน โดยใช้โลโก้คล้ายมูลนิธิ ทำให้ผู้คนสับสนว่า เป็นกิจกรรรมของมูลนิธิ มีการใช้ศาลเจ้ากวนอู จัดงานทำพิธีต่างๆ พวกตนจึงเข้าพบท่านผวจ.เพื่อให้ทำการถอดถอน นายถาวร แต่ท่านเพิกเฉย บอกให้เป็นเรื่องของศาล พวกตนมาขอบุญบารมีของร.1 ต่อหน้าพระบรมรูป ร.1 ให้รอดพ้นจากอุปสรรคและปัญหาทั้งปวงจะได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไป ขณะที่ นายพิชัย นันทชัยพร ที่ปรึกษาประชานุกูล ราชบุรี กล่าวว่า เหตุการณ์เริ่มตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา น้องๆที่ทำงานมูลนิธิทราบกันดี อยู่ๆก็มีจนท.ตำรวจ อาสา ทางจังหวัด เข้ามาให้ทางจนท.มูลนิธิ ต้องย้ายออกไปจากศาลเจ้ากวนอู ซึ่งมูลนิธิได้เริ่มก่อตั้งมา 122 ปี และได้ก่อตั้งศาลเจ้ากวนอูขึ้นมา ซึ่งช่วงกว่า 80 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิได้ช่วยเหลือประชาชนควบคู่กันมา ได้รับการยอมรับได้รับรางวัลมากมายจากหน่วยงานราชการต่างๆ แต่เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ผวจ.ได้แต่งตั้งบุคคลท่านหนึ่ง มาเปนผจก.ปกครองศาลเจ้า ซ้ำซ้อนด้วยวัตถุประสงค์อ้างว่า ท่านประธานเดิมบริหารงานไม่ไหว ทั้งๆที่เรามีผจก.ปกครองศาลเจ้าอยู่แล้ว แม้ท่านมีอายุเยอะและช่วงโควิดท่านก็ไม่ได้มาที่ศาลเจ้า แต่มีรองผจก.รักษาการณ์ตรงนี้อยู่แล้ว ทางมูลนิธิเราช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอดไม่เคยเรียกร้องอะไร ยิ่งช่วงโควิดมูลนิธิวิ่งรับส่งผู้ป่วยส่งตามรพ.สนาม และยังบริจาคสิ่งของ อาหารให้บุคลากรทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง
นายพิชัย กล่าวต่ออีกว่า จ.ราชบุรี มีผู้ว่ามาแล้ว 54 คน ให้การยอมรับมูลนิธิมาตลอด แต่ผู้ว่าคนที่ 55 มาถึงสร้างปัญหาให้พวกเราอย่างมาก ท่านประธาน รองประธานโดนฟ้องหมด วันที่ 5 ที่ผ่านมา ผจก.ที่รักษาการณ์อยู่โดนฟ้อง ถึงขนาดว่าโดนหมายจับ ตนขอเข้าพบผู้ว่าท่านก็พูดแค่ว่า"ให้ไปฟ้องเอา" ซึ่งผวจ.จะตั้งทำไมไม่ถามเราก่อน ยังพูดให้เจ็บใจว่า "จะตั้งอีก 10 คนก็ตั้งได้" พูดอย่างนี้ได้ไง "ผวจ.ไม่ใช่เทวดา" ไม่รู้ระบบวัฒนธรรมของจ.ราชบุรี จนท.อาสาหลายคนเริ่มไม่พอใจผจก.ใหม่ จะทำให้เกิดการแตกแยก เพราะเอาเอกสารทางจังหวัดมาบังคับ ทั้งออกเอกสารหารายได้ ตั้งโต๊ะรับบริจาค แก้ปีชง สะเดาะเคราะห์ ซึ่งศาลเจ้าเราตั้งขึ้นมาไม่เคยเรียกรับบริจาค หรือหารายได้แบบนี้
นายพิชัย กล่าวอีกว่า เรื่องราววันนี้ที่เกิดขึ้น จนท.มูลนิธิ ได้ทำกันเองทางผญ.ไม่มีใครรู้ แต่พวกเราก็เข้าใจพวกน้องๆเพราะตอนนี้ มูลนิธิโดนรังแก "ตนอยากจะสื่อสารถึงผู้ใหญ่ในกระทรวงให้เข้ามาช่วยดูช่วยเหลือ ทางผวจ.เขาท่านเอานิติศาสตร์มาใช้กับประชาชนมันสมควรแล้วหรือไม่" ตนเคยพูดถึงประเด็นจะตั้งใครมาก็ได้ แต่ถ้าตั้งมาแล้วไม่สามัคคีกันแตกแยกกันมันจะดีไหม ต่อไปถ้าเป็นแบบนี้ "ตนอาจจะเข้าหากรรมาธิการสภาผู้แทนราษฏร และยื่นฎีกาถึงในหลวง รัชกาลที่ 10" ซึ่งพวกตนเคยร้องไปศาลปกครองเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา แต่เรื่องคงในตามขั้นตอน แต่ถึงแม้ทางมูลนิธิจะโดนแบบนี้ พวกพี่ๆน้องๆมูลนิธิ ยังมุ่งมั่นไม่ถอดใจยังจะยืนหยัดสู้ช่วยเหลือประชาชนต่อไป.