Authority & Harm

รถกระบะทับสาวท้องสี่เดือนทับตายคู่กรณีจ่ายแค่ห้าพัน



เลย - จากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถยนต์ที่สี่แยกบ้านนาซำ ตำบลนาอาน อำเภอเมืองเลย เมื่อเวลาประมาณ 14:00 น. วันที่ 3 ตุลาคม 2564 มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายคือนางสาวอรนุช อินต๊ะบูรณ์  อายุ 21 ปีอยู่บ้านเลขที่ 420 หมู่ 11 บ้านฟากนา ตำบลนาอาน อำเภอเมืองเลย  โดยมีกล้องวงจรปิดร้านค้าบริเวณนั้นบันทึกภาพไว้ได้

ในคลิปวิดีโอพบว่านางสาวอรนุช ได้ขับรถจักรยานยนต์ โดยมีเพื่อนชายซ้อนท้ายมาด้วย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ได้ขับรถเลี้ยวขวาตามหลังรถกระบะคู่กรณีที่เลี้ยวขวาเช่นกัน นางสาวอรนุชพยายามขับรถขึ้นแซงในจังหวะที่เลี้ยว แต่รถเกิดเสียหลักล้มทำให้นางสาวอรนุช  ถูกรถกระบะ ทับกลางลำตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในวันต่อมา  แพทย์ลงความเห็นว่าตับฉีกขาด และยังตรวจพบว่า นางสาวอรนุชตั้งครรภ์ได้สี่เดือนด้วย

หลังเกิดเหตุ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองเลยเจ้าของคดีได้เชิญญาติของผู้ตาย และคนขับรถกระบะคู่กรณีมาเจรจาจ่ายเงินค่าเยียวยา แก่ครอบครัวของผู้ตายในเบื้องต้นจำนวนห้าพันบาท  ซึ่งหลังจากที่เรื่องนี้ได้เผยแพร่ออกไป ตามสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ อย่างกว้างขวางว่า เงินที่จ่าย มีจำนวนน้อยเกินไป กับชีวิตของผู้ตายซึ่งตั้งครรภ์ด้วย

หลังเกิดเหตุ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลยได้นำคณะ พร้อมด้วยผู้บริหารเทศบาลตำบลนาอาน ไปมอบเงิน และสิ่งของช่วยเหลือ ครอบครัวของนางสาวอรนุชผู้เสียชีวิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ที่สูญเสียลูกสาว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าครอบครัว ของนางสาวอรนุชมี ฐานะยากจน

นางสาวบังอร ทนูสี   อายุ 50 ปี แม่ของนางสาวอรนุชผู้ตายเล่าว่า ที่บ้านมีกันอยู่สี่คนมีพ่อแม่ ลูกสาวคนเล็ก และหลานชายซึ่งเป็นลูกของนางสาวอรนุช  ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่ช่วงนี้ไม่ได้ไปทำงานเพราะต้องเลี้ยงหลาน จึงไม่มีรายได้  มีเพียงผู้เป็นสามี ออกไปทำงาน และนางสาวอรนุช ไปรับจ้างกรีดยางมาเลี้ยงดูครอบครัว ในวันที่เกิดเหตุ ลูกสาวบอกว่าจะขับรถจักรยานยนต์ออกไป ซื้อกับข้าว แต่รู้สึกว่าไปนานมากตนจึงได้โทรศัพท์หาแต่ก็ไม่รับโทรศัพท์ จนกระทั่งมาทราบจากผู้ใหญ่บ้านว่าลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในวันที่ 4 ตุลาคม

และมีการเจรจาไกล่เกลี่ย ทางคู่กรณีให้เงินมาเพียงห้าพันบาท ตนก็รู้สึกว่าน้อยเกินไป ขอเพิ่มอีกสองพันบาทเป็นเจ็ดพันบาท ก็ไม่ได้ จึงรู้สึกน้อยใจ ชีวิตทั้งสองคนมีค่าเพียงแค่นี้ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด เงินจำนวนนี้ไม่เพียงพอ ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลลูก และจัดงานศพ ต้องไปยืมเงินมาหนึ่งหมื่นบาท มาจัดงานศพของลูกสาว

สำหรับรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุ เคยถูกขโมยไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ในสภาพที่ใหม่ เพิ่งซื้อมาได้ไม่กี่เดือน จนกระทั่งตำรวจติดตาม นำคืนมาได้แต่อยู่ในสภาพที่ถูกแต่งดัดแปลง จึงทำให้ลูกสาวที่ตายไปถูกมองว่าเป็นเด็กแว๊นไปด้วย ทั้งที่จริงไม่ได้เป็นคนแต่งรถเองแต่อย่างใด

ด้านนายอรรถชัย ใจเสือกุล  อายุ 24 ปี   เพื่อนชายที่ซ้อนท้ายมากับ นางสาวอรนุชผู้ตาย เล่าว่า  ตนและนางสาวอรนุชเป็นเพื่อนกัน ในวันที่เกิดเหตุ ตนนั่งอยู่ที่สวนยางพารา นางสาวอรนุชขับรถผ่านมา จึงขอติดรถเข้าไปในเมืองเลยด้วย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ นางสาวอรนุชจะขับรถแซงรถกระบะ ในขณะที่จะเลี้ยวขวา แต่รถเกิดเสียหลัก ล้มลง ตนพยายามใช้มือดันรถกระบะ ไม่ให้รถมอเตอร์ไซค์ล้ม แต่ก็ไม่ทัน ส่วนตนได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ทั้งสองข้าง

พันตำรวจเอกยศวัจน์  แก้วสืบธัญนิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเลย เปิดเผยว่า คดีนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และการตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ตายและคู่กรณี  ในส่วนการชดใช้ค่าเสียหายนั้น พนักงานสอบสวนได้จัดให้มีการเจรจากันไปแล้วหนึ่งครั้ง  ในเบื้องต้นคู่กรณีได้มอบเงินค่ามนุษยธรรมให้จำนวนห้าพันบาท  ซึ่งไม่ได้จบอยู่เพียงเท่านี้ ยังต้องมีค่าเสียหายอย่างอื่น ตามมา เช่น ค่าปลงศพ ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ โดยขณะนี้ทางบริษัทประกันของรถยนต์กำลังพิจารณาจ่ายเงิน  ส่วนทางพนักงานสอบสวนก็จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน สรุปสำนวนส่งไปที่อัยการ ซึ่งญาติของผู้ตายก็สามารถฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ แต่ก็ต้องดูผลจากการพิจารณาคดีอาญาเสียก่อน ว่าจะเป็นอย่างไร ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย  ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเลยกล่าว     

ภัทราวุธ  บุญประเสริฐ จ.เลย