Biz news

PwCเผยรายได้4.5หมื่นล.ดอลลาร์สหรัฐ เครือข่ายPwCทั่วโลกช่วง12เดือน



PwC เผยรายได้แตะ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรุงเทพ, 15 ตุลาคม 2564 – เครือข่าย PwC ทั่วโลกประกาศรายได้รวมในช่วง 12 เดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 อยู่ที่4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 2% ตามอัตราแลกเปลี่ยนท้องถิ่น (หรือ 4.9% เมื่อคำนวณตามสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ)หลังเห็นการเติบโตคงที่เกือบตลอดทั้งปี ก่อนที่รายได้จะปรับตัวเร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดระหว่างเดือนเมษายน ถึง เดือนมิถุนายนโดยเพิ่มขึ้น 18.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแม้ว่ารอบปีบัญชีนี้ (1 กรกฎาคม 2563 ถึง 30 มิถุนายน2564) จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของการดำเนินธุรกิจแต่การเติบโตของรายได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของลูกค้าที่เร่งตัวขึ้นของบริการในด้านต่าง ๆ เช่น ดีลส์และการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ หลังเศรษฐกิจโลกเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว

“ผมมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับทุกสิ่งที่เราได้บรรลุในปีที่ท้าทายนี้ โดยเรายึดมั่นในค่านิยมและคำนึงถึงคนของเราเป็นอันดับแรกและให้ความสำคัญสูงสุดในการปกป้องสุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานด้วยความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความมุ่งมั่นที่ไม่ลดละทำให้เรายังคงสามารถทำงานร่วมกันเพื่อส่งมอบงานที่มีคุณภาพ และโซลูชั่นด้านนวัตกรรมให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราได้ทั่วโลก

นอกจากนี้ เราได้เปิดตัว “สมการใหม่” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ระดับโลกไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย PwCได้ระบุถึงความจำเป็นในการตอบสนองความต้องการที่สำคัญสองประการที่เชื่อมโยงถึงกันของทุกองค์กร นั่นคือการสร้างความไว้วางใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการส่งมอบผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

ซึ่งเราเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอนาคต โดยมุ่งลงทุนมากกว่า 1.2หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในอีกห้าปีข้างหน้า และจะสร้างงานในตำแหน่งใหม่ ๆ มากกว่า 100,000 ตำแหน่ง” นาย บ็อบ มอริตซ์ประธาน PwC โกลบอล กล่าวผลประกอบการทั่วโลกของทุกสายงานยังคงแข็งแกร่งเครือข่าย PwCทั่วโลกยังคงมุ่งเน้นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสูงให้แก่ลูกค้าท่ามกลางการรับมือกับความท้าทายและการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำหรับการเติบโตของรายได้ในภูมิภาคสำหรับรอบปีบัญชี 64ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และผลพวงจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ตามมา

อย่างไรก็ดีPwC ยังคงสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ในภูมิภาคและประเทศที่สำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้
 รายได้ในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่ประเทศสหราชอาณาจักร มีรายได้เพิ่มขึ้น 2% และตะวันออกกลางมีรายได้เติบโต 4.8% นำโดยประเทศตุรกีที่มีรายได้เติบโตถึง30% อย่างไรก็ดี ธุรกิจของเราในทวีปแอฟริกาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาด โดยมีรายได้ลดลง 3.6%เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
 รายได้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น เติบโต 6.2% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ PwCประเทศเกาหลีใต้ ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีบัญชี 2563 ซึ่งเห็นรายได้ลดลง 1.2% ขณะที่ PwCประเทศออสเตรเลีย ก็สามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปีบัญชี 64 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 2.4%
 สำหรับรายได้ในทวีปอเมริกานั้นคงที่ เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการชำระเงินและการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ของ PwC ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนรวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายทั่วทั้งทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แต่อย่างไรก็ดี รายได้ของ PwC ประเทศแคนาดายังคงเติบโตได้ที่ 5.1%ธุรกิจตรวจสอบบัญชี: รายได้จากธุรกิจตรวจสอบบัญชีของเราเพิ่มขึ้น 1.2% เป็น 1.71 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากปีบัญชี 63 อยู่ที่1.64 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยสายงานตรวจสอบบัญชี ยังคงเป็นหลักสำคัญของแบรนด์ของเราและเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจตรวจสอบบัญชี ด้วยบทบาทสำคัญในการตรวจสอบบัญชีเพื่อรักษาความไว้วางใจในตลาดทุนและความท้าทายทางการเงินที่ลูกค้าของเราต้องเผชิญเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปีทำให้ธุรกิจการตรวจสอบบัญชีของเรายังคงความเป็นผู้นำตลาดที่แข็งแกร่ง 

นอกจากนี้ เรายังคงจัดการกลไกตลาดอื่น ๆ เช่น การหมุนเวียนของผู้ตรวจสอบบัญชี และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าธุรกิจตรวจสอบบัญชีของเราจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ ยังพบว่าลูกค้ามีความต้องการบริการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลทางการเงินเพิ่มขึ้น เช่น การเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน(ESG disclosure) และคาดว่า ความต้องการนี้จะยิ่งเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ในช่วงปีบัญชี 64 เรายังเห็นบริการด้านความเสี่ยงกลับมาเติบโตอีกครั้งเพราะองค์กรต่างตระหนักถึงความจำเป็นของการใช้บริการระดับมืออาชีพ เพื่อช่วยจัดการความเสี่ยงที่ได้รับจากวิกฤตโควิด-19และการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลขององค์กรที่ถูกเร่งตัวขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาด

ขณะที่ความต้องการของการบริหารความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและบริการด้านความโปร่งใสของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยองค์กรต่าง ๆกำลังมองหาบริการการตรวจสอบจากภายนอกมากขึ้น เช่น ความสัมพันธ์ของบุคคลที่สาม การเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนและกรอบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ธุรกิจที่ปรึกษา: รายได้จากธุรกิจที่ปรึกษาเติบโต 3.1% เป็น 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากปีบัญชี 63 อยู่ที่ 1.6หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยการเติบโตนี้ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเปลี่ยนผ่านการทำงานทั่วทั้งองค์กรซึ่งลูกค้ามีความจำเป็นต้องเข้าถึงความสามารถที่หลากหลายตั้งแต่การวางกลยุทธ์ไปจนถึงการปฏิบัติ ทั้งนี้ โควิด-19ยังกระตุ้นให้เกิดความต้องการในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจ (เช่น การเงิน แผนกต้อนรับ ทรัพยากรบุคคลและซัพพลายเชน) รวมไปถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยคลาวด์เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับองค์กร 

นอกจากนี้ กิจกรรมดีลส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปียังขับเคลื่อนโอกาสในการสร้างและการรักษามูลค่ากิจการให้กับPwC ได้เพิ่มเติม โดยลูกค้าต้องการเพิ่มมูลค่าผ่านการทำธุรกรรมและการปรับโครงสร้างที่ตามมาซึ่งแม้จะมีความท้าทายจากการระบาดใหญ่และข้อจำกัดในการเดินทางแต่ธุรกิจที่ปรึกษาของเราทั่วโลกยังคงสามารถให้บริการลูกค้าได้ครบวงจรในรูปแบบเสมือนจริงและช่วยให้พวกเขาสร้างมูลค่าและผลลัพธ์ที่ยั่งยืนให้กับองค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ธุรกิจบริการด้านภาษีและกฎหมาย: รายได้จากการดำเนินงานด้านภาษี กฎหมาย และการบริหารบุคลากรในปีบัญชี 64 เติบโต 1.7%อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากปีบัญชี 63 อยู่ที่ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยต่าง ๆซึ่งรวมถึงผลกระทบของการระบาดใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก

ในขณะที่รัฐบาลและภาคธุรกิจยังคงต่อสู้กับความท้าทายของโควิด-19 ซึ่งนำไปสู่การขาดดุลของประเทศต่าง ๆ อย่างมีนัยสำคัญเราเห็นความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในบริการด้านภาษีและกฎหมายเพื่อช่วยพวกเขาจัดการกับภูมิทัศน์ด้านภาษีที่ทวีความซับซ้อน นอกจากนี้ความต้องการของการทำดีลส์และบริการด้านบุคคลและองค์กรก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษในปีบัญชีนี้ขณะที่ความต้องการบริการด้านการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจก็เพิ่มสูงเช่นกันเพราะผู้ประกอบการต้องการปรับเปลี่ยนและจัดการระบบห่วงโซ่อุปทาน รูปแบบการดำเนินงาน และแรงงานขององค์กรในอนาคตใหม่

สำหรับความต้องการบริการด้านการรายงานภาษีและกลยุทธ์นั้นก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติตามข้อกำหนดและบริการด้านการจัดการเพราะธุรกิจจำนวนมากยังคงมีภาระหน้าที่ในการต้องปฏิบัติตามแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งภูมิทัศน์ทางภาษีที่เปลี่ยนไป ทำให้ความต้องการบริการด้านการปฏิบัติตามแบบบูรณาการของลูกค้าเพิ่มขึ้นตามลำดับ

ด้านนาย ชาญชัย ชัยประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่า  การเติบโตของรายได้ของเครือข่าย PwCในปีบัญชีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากความพยายามอย่างเต็มที่ในการรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่มีการฟื้นตัวในระดับที่แตกต่างกัน“สิ่งที่เราเห็นได้ชัดในช่วงปีที่ผ่านมาคือ ผู้นำธุรกิจมีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านธุรกิจของตนเองมากขึ้น โดยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งทำให้ปัญหาความท้าทายของโลก 5 ประการที่เรียกเป็นชื่อย่อว่า “ADAPT” ซึ่งประกอบด้วยความไม่สมดุลของความมั่งคั่ง ความชะงักงันจากเทคโนโลยี ความแตกต่างด้านอายุของประชากรศาสตร์ การแบ่งขั้วในสังคมและการสูญเสียความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อองค์กรในสังคมนั้นรุนแรงยิ่งขึ้น ดังนั้นในช่วงการแพร่ระบาดจึงมีบริษัทชั้นนำของไทยหลายรายที่หันกลับมาทบทวนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของตนเองและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป” นาย ชาญชัย กล่าว

“ในระยะต่อไปผู้บริหารจะยิ่งต้องติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกในด้านต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดทั้งเทคโนโลยีพฤติกรรมของผู้บริโภค และแนวโน้มสำคัญที่กำลังมาอย่าง กระแสรักษ์โลก หรือ ESG 1ที่จะกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการดำเนินธุรกิจในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก และไม่จำกัดเฉพาะแค่กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานปิโตรเคมี หรือยานยนต์อีกต่อไปรวมถึงครอบคลุมทั้งธุรกิจที่ต้องการขยายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศและนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาลงทุนในธุรกิจไทย
ด้วย ซึ่ง ESG จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการพิจารณาให้สินเชื่อและการประเมินมูลค่ากิจการในอนาคต” นาย ชาญชัย กล่าวลงทุนเพื่ออนาคตแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา แต่ PwCยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่ออนาคตของบุคลากรของเราอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่การยกระดับคุณภาพของงานของเรา และการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ทั้งนี้ ในปีบัญชี 64 เครือข่าย PwC มีการลงทุนกว่า2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเนื่องจากปีบัญชี 63 ที่มีการลงทุนไปมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐโดยการลงทุนยังคงดำเนินต่อไปในลักษณะที่มีความระมัดระวังมากขึ้นและการรับหุ้นส่วนใหม่มีจำนวนลดลง

นอกจากนี้ บริษัทเครือข่าย PwC ยังได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ 9 แห่ง (ปีบัญชี 63 จำนวน 3 แห่ง) และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ 5 แห่ง(ปีบัญชี 63 จำนวน 4 แห่ง) ทั่วโลกเพื่อขยายขีดความสามารถระดับมืออาชีพในด้านสำคัญ ๆ ครอบคลุมการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงเทคโนโลยีทางภาษี และการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ โดยในอีกห้าปีข้างหน้า PwC มุ่งมั่นที่จะลงทุน 1.2หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อดำเนินกลยุทธ์ “สมการใหม่” (The New Equation) ตามที่ได้มีการประกาศไปมุ่งเน้นคุณภาพคุณภาพ ถือเป็นหัวใจสำคัญและเป็นความรับผิดชอบของพนักงานทุกคนที่ PwC เพราะคุณภาพคือรากฐานของการสร้างความไว้วางใจ โดย PwCเป็นเครือข่ายผู้ให้บริการระดับมืออาชีพแห่งแรกที่มีการรายงานผลการตรวจสอบด้านคุณภาพ
และยังคงได้รับผลการตรวจสอบคุณภาพการตรวจสอบบัญชีที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน ภายใต้กลยุทธ์ “สมการใหม่” PwC จะเดินหน้าลงทุน 3พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนการยกระดับคุณภาพของบริการทั่วทั้งเครือข่ายซึ่งยังรวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีอีก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย นอกจากนี้
เรายังได้มีการลงทุนในทักษะดิจิทัลขั้นสูงและเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI)ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีในอนาคตขยายกำลังแรงงานของเรา1 Environmental, Social and Governance

ในปัจจุบันเครือข่าย PwC มีบุคลากรมากกว่า 295,000 คนใน 156 ประเทศทั่วโลก โดยในปีบัญชี 64 PwCได้รับพนักงานใหม่จำนวนทั้งสิ้น 90,273 คน รวมถึงผู้ฝึกงานจำนวน 24,800 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 8,721คนในปีก่อนแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการระบาดใหญ่ทั่วโลก นอกจากนี้ เราจะดำเนินการจ้างผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพเพิ่มอีก100,000 ตำแหน่งภายในปี 2569

“เพื่อส่งมอบกลยุทธ์ “สมการใหม่” เราจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างชุมชนนักแก้ปัญหา ซึ่งประกอบด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆตั้งแต่ภาษี ดีลส์ เทคโนโลยี ไปจนถึง ESG เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายครั้งใหญ่ที่ลูกค้าของเรากำลังเผชิญอยู่ด้วยการพัฒนาบุคลากรและการลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถในครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถระดมทีมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชาชีพที่มีความจำเป็นในการช่วยสร้างความไว้วางใจและส่งมอบผลลัพธ์ที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้าได้” นาย บ็อบ มอริตซ์ กล่าว

สร้างสถานที่ทำงานที่คำนึงถึงสุขภาพ ความเป็นอยู่ และการมีส่วนร่วมกับองค์กรของพนักงานการสร้างสถานที่ทำงานที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของพนักงาน
ถือเป็นสิ่งสำคัญในการวางรากฐานแรงงานสำหรับอนาคตขององค์กร ซึ่งหมายรวมถึงการให้ความยืดหยุ่นแก่พนักงานในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว และให้โอกาสในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆรวมทั้งสร้างกำลังแรงงานที่มีความหลากหลายและครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในปีนี้ PwC ได้เปิดตัว “ดัชนีการมีส่วนร่วมของบุคลากร” (People Engagement Index)เพื่อประเมินความรู้สึกของพนักงานที่มีต่อ PwC โดยผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่บอกเราว่า พวกเขามีความภูมิใจที่ได้ทำงานที่ PwC(84%) โดยจะแนะนำ PwC ให้เป็นสถานที่ทำงานที่น่าทำงานด้วย (74%) และมีความสุขกับการทำงานที่ PwC (74%) นอกจากนี้73% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า พวกเขารู้สึก ‘เป็นส่วนหนึ่ง’ ของ PwC ในขณะที่ 74% กล่าวว่าผู้นำองค์กรให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียม

นอกจากนี้ เรายังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นใจว่า บุคลากรของเราทุกคนจะสามารถเข้าถึงโอกาสต่าง ๆโดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังและประสบการณ์ชีวิต ในขณะเดียวกันยังให้การสนับสนุนโครงการที่ช่วยสร้างความแตกต่างหลากหลายและความเท่าเทียมในสังคมผ่านการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายมากขึ้นที่ PwC อย่างต่อเนื่องต่อไปมีการวัดผลและประเมินการปล่อยแก๊สเรือนกระจกอย่างจริงจังเครือข่าย PwC ทั่วโลกได้ตั้งปณิธานในการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก (Greenhouse gas (GHG) emissions)
สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573โดยเรารู้สึกภาคภูมิใจที่เป้าหมายนี้ได้รับการรับรองจากโครงการริเริ่มที่มีเป้าหมายอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ (The Science Based Targets Initiative: SBTi) ด้วย

ทั้งนี้ การเดินทางทางอากาศ ถือเป็นต้นเหตุของการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดของ PwC ซึ่งในปีนี้เราได้เห็นการเดินทางทางอากาศลดลงจากปีที่แล้วที่ 92% เนื่องด้วยข้อจำกัดในการเดินทางทางอากาศทั้งในและต่างประเทศในอนาคตเรายังมีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซมลพิษจากการเดินทางเพื่อธุรกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับระดับก่อนเกิดโรคระบาด ในปีบัญชี64 การปล่อยแก๊สเรือนกระจกทั้งหมดของ PwC ลดลง 80% จากปีก่อนและเราได้ซื้อไฟฟ้า 83% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน*

นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเท่าเทียม และให้พนักงานทุกคนมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเองผ่าน โครงการ“โลกใหม่ ทักษะใหม่” (New world. New skills.)
ที่ช่วยให้คนจำนวนมากขึ้นได้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกดิจิทัลและประสบความสำเร็จในอนาคต ซึ่งในปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียวมีผู้เข้าร่วมโครงการนี้เกือบ 3 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งในปี 2561 เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะเข้าถึงคนจำนวน 15 ล้านคน องค์กรพัฒนาเอกชนและวิสาหกิจเพื่อสังคมและขนาดเล็กภายในปีบัญชี 65 ซึ่งเรามีความภูมิใจที่จะรายงานให้ทราบว่า ในปีบัญชี 64
เราได้บรรลุเป้าหมายนี้แล้วและสามารถเข้าถึงคนมากกว่า 18 ล้านคนผ่านโครงการการลงทุนดังกล่าว

นอกจากนี้ PwC ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำงานร่วมกับสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum)เพื่อช่วยระบุตัวชี้วัดด้านทุนนิยมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Capitalism Metrics)โดยทำหน้าที่เป็นผู้นำในเสาหลักด้านสภาพภูมิอากาศ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา PwC เป็นหนึ่งในองค์กรอันดับแรก ๆที่รับรองการประยุกต์ใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้ ด้วยความมุ่งมั่นของเราที่ต้องการส่งเสริมการรายงานที่โปร่งใสและเปรียบเทียบได้เรายังได้รวมผลของรายงาน “Global Annual Review” เพื่อนำเสนอภาพรวมของรายงานของ PwCโดยยึดตัวชี้วัดทุนนิยมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นหลัก