Biz news

odini BLACKเปิด4กลยุทธ์บริหารพอร์ต พร้อมเผยผลตอบแทนบวกถึง13.41%



กรุงเทพฯ-29 ตุลาคม 2564, กรุงเทพมหานคร - บริษัท โรโบเวลธ์กรุ๊ป จำกัด ผู้นำในการให้บริการด้านการลงทุนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล หรือ Wealth Tech ได้จัดงานเสวนาออนไลน์ให้กับกลุ่มนักลงทุนในผลิตภัณฑ์ odini BLACK ในหัวข้อ “odini BLACK Trend & Strategy Update and Performance Review”  ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณวรยุทธ พิกุลสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุนโรโบเวลธ์ จำกัด เป็นวิทยากรคนสำคัญตลอดการบรรยาย โดยมี คุณศานติ ตินตะชาติ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน เป็นผู้ดำเนินการเสวนา ซึ่งการเสวนาในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการอัปเดตมุมมองการลงทุนในช่วงปีที่ผ่านมาและมุมมองการลงทุนในระยะข้างหน้า รวมถึงอัปเดตกลยุทธ์และธีมการลงทุน ของ odini BLACK เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุน odini BLACK ได้ตามเป้าหมาย

ภาพรวมตลาดลงทุน ปี 64

คุณวรยุทธ พิกุลสวัสดิ์ เผยว่า การลงทุนในปี 64 นั้นมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบหลักอยู่ 4 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่

·ปัจจัยแรกคือภาวะฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวได้ดีเมื่อเทียบกับปี 63 สามารถดูได้จากการเติบโตของ GDP ซึ่งอาจแตกต่างกันบ้างตามแต่ละประเทศและภูมิภาค โดยในไตรมาสที่ 4 นี้ การฟื้นตัวเริ่มกลับคืนมาในระดับหนึ่ง ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวได้ในช่วงหลังจากนี้

·ปัจจัยที่สองคือโควิด-19 จำนวนผู้ติดเชื้อที่มีการปรับเพิ่มมากขึ้นในระยะหลัง ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวน เศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก ต้องคอยติดตามเรื่องการประกาศเปิดประเทศ การเข้าสู่ฤดูหนาว การกลายพันธุ์ ไปจนถึงประสิทธิภาพวัคซีน ว่าการระบาดจะกลับมารุนแรงอีกระลอกหรือไม่ ในขณะเดียวกันที่ต่างประเทศก็ได้รับวัคซีนกระจายเกือบทั่วโลกแล้ว ทำให้หลายประเทศกลับมาเปิดเมืองได้

·ปัจจัยที่สามคือการปราบปรามการควบคุมภาคธุรกิจของจีน จากปีที่แล้วหุ้นจีนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่จีนสามารถควบคุมโควิด-19 ได้ก่อน จากนั้นทางการของจีนก็มีการควบคุมธุรกิจแนวคิดที่มีการผูกขาด โดยที่รัฐบาลได้เข้าตรวจสอบหลายธุรกิจไม่ว่าจะเป็นอาลีบาบา ภาคธุรกิจกวดวิชา ตลอดจนภาคอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มฟินเทคต่าง ๆ ทำให้หุ้นจีนที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาปรับตัวลงอย่างรุนแรง แต่ไม่นานมานี้ แจ็ค หม่า ได้เริ่มออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีจีนมีการฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว

·ปัจจัยที่สี่คือนโยบายการเงินของโลก ปัจจุบันธนาคารกลางสหรัฐเริ่มมีนโยบายปรับลดการผ่อนคลายทางการเงินแล้ว ซึ่งก็คาดการณ์ว่าจะมีการลดขนาดงบดุลในเดือนพฤศจิกายน 64  หลังจากที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เริ่มมีการฟื้นตัวมาพอสมควร รวมถึงการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปี 66 ในขณะที่ความเสี่ยงในเรื่องของตัวเลขเงินเฟ้อก็ยังเป็นประเด็นที่ตลาดจับตาดูอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 65 เหตุผลที่มีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพราะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวหรือสามารถกลับมาขยายตัวได้นั่นเอง อย่างไรก็ดีในอดีตพบว่าตลาดอาจมีความผันผวนบ้างในช่วงเริ่มลดการผ่อนคลายในเชิงนโยบายลง แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็มักจะปรับตัวขึ้นต่อไปได้เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

เปิด 4 กลยุทธ์ปัจจัยสำคัญในการบริหารพอร์ต odini BLACK

จากภาพรวมการลงทุนตลอดปี 63-64 ทำให้ odini BLACK มีการวางกลยุทธ์ในการปรับพอร์ตโดยอาศัย 4 กลยุทธ์การช่วยวิเคราะห์การลงทุนด้วย FVMR Model ซึ่งแบ่งเป็น 4 ปัจจัยสำคัญคือ

·ปัจจัยที่หนึ่ง Fundamental เป็นปัจจัยพื้นฐาน ตัวอย่างเช่น Earning Growth, Return on Equity เป็นต้น

·ปัจจัยที่สอง Valuation คือมูลค่าความถูกความแพงของตัวหุ้นในแต่ละตลาด ตัวอย่างเช่น  Upside, Price to Earning เป็นต้น

·ปัจจัยที่สาม Momentum ดูในเรื่องการปรับประมาณการณ์กำไร ตัวอย่างเช่น EPS Revision, Price Performance เป็นต้น

·ปัจจัยที่สี่ Risk เป็นเรื่องของความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น Volatility ในแต่ละช่วงเวลา และ Debt to Equity เป็นต้น

ปัจจัยเหล่านี้จะถูกใช้ในการพิจารณากำหนดน้ำหนักการลงทุนในแต่ละช่วงเวลาว่าตลาดใดมีความน่าสนใจมากน้อยต่างกันอย่างไร

พอร์ต odini BLACK มีการบริหารความเสี่ยงด้วยการปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในระดับประเภทสินทรัพย์ ระดับประเทศ/ภูมิภาค หรือในระดับกองทุนรวมที่มีความเหมาะสมในการลงทุนที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา จากนั้นจะมีการปรับสมดุลพอร์ตให้กับนักลงทุน ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นสำคัญของ odini BLACK ที่สามารถช่วยปรับพอร์ตการลงทุนด้วยการทยอยขายทำกำไรและถัวเฉลี่ยต้นทุนทีละน้อย เช่น ทีละ 1-2% ให้กับพอร์ตการลงทุน ซึ่งนักลงทุนทั่วไปไม่สามารถจัดการเองได้ และเป็นวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี

ในแง่ของการคัดเลือกกองทุน odini BLACK จะมีการคัดเลือกกองทุน Best in Class ให้กับพอร์ตของนักลงทุนซึ่งเราจะคัดเลือกกองทุนทั้งจากปัจจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ สำหรับปัจจัยเชิงปริมาณจะดูจากผลตอบแทนในแต่ละช่วงเวลา ความผันผวน และผลตอบแทนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงอัตราการขาดทุนสูงสุดในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ odini BLACK ยังมีการจัดทำ Fund Ranking และพิจารณาถึงขนาดของกองทุนด้วยเช่นกัน เพราะกองทุนที่มีขนาดเล็กเกินไป อาจมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขายได้ สำหรับปัจจัยเชิงคุณภาพ จะพิจารณาจากนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้นๆ เนื่องจากกองทุนประเภทเดียวกันอาจมีความแตกต่างกันในด้านกลยุทธ์การลงทุน แนวคิดในการเลือกหุ้น หรือมีวิธีการซื้อและขายหุ้นที่แตกต่างกัน หลังจากนั้นจะเป็นการวิเคราะห์ถึงสินทรัพย์ที่อยู่ในกองทุนว่าเป็นหุ้นประเภทใด มีลักษณะอย่างไร รวมถึงประสบการณ์ของทีมผู้จัดการกองทุนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการพิจารณา นอกจากนี้จะมีการพิจารณาถึงลักษณะและรายละเอียดอื่น ๆ ของกองทุน เช่น นโยบายการจ่ายปันผล ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน รวมถึงความยากง่ายในการเข้าถึงข้อมูลของกองทุนที่ส่งผลถึงการอัปเดตข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยที่คณะกรรมการลงทุน หรือ Investment Committee  จะเป็นผู้อนุมัติแนวทางในการลงทุนดังกล่าว ตลอดจนถึงติดตามผลการแนะนำและคัดเลือกกองทุน เพื่อการสร้างผลตอบแทนภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมให้กับนักลงทุน odini BLACK นั่นเอง

ความสำเร็จปี 64 และแผนระยะยาวของพอร์ต odini BLACK

จากการวิเคราะห์ภาพรวมอุตสาหกรรมและการวางแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ส่งผลให้นับตั้งแต่จัดตั้งพอร์ตในเดือนสิงหาคม ปี 63 จนถึงเดือนตุลาคม ปี 64 odini BLACK มีผลตอบแทนจากการลงทุนบวกถึง 13.41% โดยในปัจจุบัน พอร์ต odini BLACK เน้นลงทุนในธีมหลัก 3 ธีมคือ จีน เวียดนาม และ Global Quality and  Growth โดยมีรายละเอียดดังนี้

·ธีมแรกจะเน้นการลงทุนในหุ้นจีนประมาณ 18% ของพอร์ต โดยเน้นลงทุนในตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ผ่านกองทุน MCHINAGA ซึ่งลงทุนในหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ได้แก่ พลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก เช่น บริษัท CATL ที่ทำธุรกิจแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชูโรง นอกจากนี้บริษัทหลักทรัพย์จีนยังได้รับประโยชน์โดยตรงจากการที่รัฐบาลมีนโยบายให้บริษัทที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาทยอยกลับมาจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงมากขึ้น และจะยังได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการเติบโตของธุรกิจ Wealth Management อีกด้วย

·ธีมที่สองจะเน้นหุ้นเวียดนามประมาณ 14 % ของพอร์ต ผ่านกองทุน KFVIET-A และ PRINCIPAL VNEQ-A เนื่องจากหุ้นเวียดนามเข้าสู่การเติบโตจากการที่มีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามา โดยคาดการณ์ว่า GDP เวียดนามจะสามารถเติบโตได้อีก 6-7% ส่งผลให้ตลาดเวียดนามเป็นที่สนใจของนักลงทุน ซึ่งเห็นได้จากที่ผ่านมานักลงทุนมีการลงทุนมากขึ้นในตลาดหุ้นเวียดนาม  อีกปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามเติบโตขึ้นคือการเพิ่มน้ำหนักของหุ้นเวียดนามในดัชนี MSCI Emerging Market ที่จะทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาในเวียดนามอีกมาก

·ธีมที่สามเป็นธีม Global Quality and  Growth ซึ่งมีจุดเด่นในด้านการสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ โดยกองทุนที่เลือกลงทุนจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันคือ กองทุนแรก TMBGQG จะเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดี มีการเติบโต โดยมีการกระจายการลงทุนในหุ้นหลายตัวเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง เช่น Google, Microsoft และ Facebook เป็นต้น ส่วนกองทุนที่สองคือ ONE-UGG-RA จะเน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมและมีการเติบโตสูงทั่วโลก ซึ่งเน้นลงทุนแบบกระจุกตัว เช่น Tesla, Amazon, Moderna เป็นต้น

นอกจากการลงทุนในธีมหลัก ทั้ง 3 ธีมแล้ว พอร์ต odini BLACK ยังเน้นการลงทุนในธีม Innovation หรือนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ได้ประโยชน์ในยุค Disruption อีกด้วย คุณวรยุทธ พิกุลสวัสดิ์ ปิดท้าย