Authority & Harm

อ.เสือปู่เจ้าสมิงจุดธูปขอขมาเจ้าที่หลังหนุ่มใหญ่จมน้ำ10วัน



นครราชสีมา - อาจารย์เสือปู่เจ้าสมิงจุดธูปขอขมาเจ้าที่หลังหนุ่มใหญ่จมน้ำ 10 วัน ล่าสุดเจอศพผู้สูญหายแล้วภรรยาเชื่ออาถรรพ์หลังเห็นผู้หญิงใสชุดไทยยืนมองหน้าจุดสามีจมน้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากหน่วยกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถานนครราชสีมา รับแจ้งมีบุคคลจมน้ำ ที่บริเวณลุ่มน้ำลำตะคอง ชุมชนเกษตรสามัคคี 2 หลังวัดสุสาน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2564 เวลา 15.45 น.ที่ผ่านมา และทราบชื่อผู้สูญหาย คืนนายอุทัย แดงจันทึก อายุ 43 ปี ชาวอำเภอสีคิ้ว ทำงานเป็น รปภ.แห่งหนึ่ง โดยกู้ภัยยังคงกระจายกำลังออกค้นหาร่างผู้สูญหายทุกวัน

จนกระทั่งได้เชิญอาจารย์เสือปู่เจ้าสมิง ณ สิงห์หา มาจุดธูป 1 กำมือ เพื่อขอขมาและต่อรองให้ปล่อยศพลอยขึ้นมาแต่ก็ไม่เป็นผล ในระหว่างที่จุดธูปนั้นได้เกิดลมกรรโชคแรงในระหว่างที่ทำพิธีด้วย สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เป็นอย่างมาก ซึ่งจากการสอบถาม อาจารย์เสือปู่เจ้าสมิง ณ สิงห์หา ไม่ขอพูดอะไรมาก แค่บอกว่า เจ้าที่เจ้าทางเป็นผู้หญิงใส่ชุดไทยหน้าตาดี ต้องการเอา ผู้สูญหาย ไปเป็นบริวาร และก็ไม่บอกว่าจะปล่อยผู้สูญหาย ออกมาเมื่อไร แต่ทีมกู้ภัยก็ยังระดมทีมค้นหาอย่างต่อเนื่องจนค่ำไม่พบ จึงยกเลิกภารกิจ เพื่อป้องกันอันตรายกับทีมงาน ล่าสุดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พบร่างผู้สูญหายที่บริเวณหลังริมน้ำหลังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาซึ่งจากจุดที่จมน้ำและจุดพบศพห่างกัน 1.8 กิโลเมตรคาดว่าน่าจะถูกสายน้ำผลัดมาจนร่างไปเกยริมน้ำ

จากการสอบถาม นางวราภรณ์ โปร่งสันเทียะ อายุ 41 ปี ภรรยา เล่าว่า หลังจากสามีจมน้ำหายไปนานเกือบ 10 วันแล้ว ซึ่งทีมกู้ภัยก็มาช่วยกันค้นหาสามีตนทุกวันแต่ก็ไม่พบ ตนในฐานะเป็นภรรยาก็มานั่งเฝ้าทุกวันและเมื่อวานได้มองไปที่กอไผ่เห็นผู้หญิงใส่ชุดไทยสีฟ้า ยืนอยู่ใต้กอไผ่ ซึ่งตนก็คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางที่ไม่ยอมปล่อยสามีตัวเองออกมา จึงได้เชิญอาจารย์เสือปู่เจ้าสมิง มาช่วยสามี ซึ่งสามีถือว่าเป็นเสาหลักครอบครัว ทำงานเป็นรปภ.แห่งหนึ่งในตัวเมือง มีนิสัยชอบกินเหล้า และมีรอยสักแฟชั่น ที่แขนถึงข้อมือทั้ง 2 ข้างรวมไปถึงหน้าอกด้วย ซึ่งวันนี้ตนได้เจอศพก็รู้สึกเสียใจมากจนพูดไม่ออก ทั้งนี้ก็อยากขอบคุณทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ช่วยระดมค้นหาร่างตั้งแต่วันที่สูญหายจนกระทั่งมาพบร่างในวันนี้ด้วย

ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา