In Thailand

รมว.พม.เปิดศูนย์ช่วยสังคมตำบลกะไหล เปิดศาลาชุมชนบ้านมั่นคงคลองเคียน



พังงา-รมว.พม. เปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลกะไหล พร้อมเปิดศาลาชุมชนโครงการบ้านมั่นคงชนบทตำบลคลองเคียน ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในจังหวัดพังงา

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง พม. เดินทางลงพื้นที่จังหวัดพังงาเพื่อเปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลกะไหล อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พร้อมกับมอบรถโยกให้คนพิการ มอบของขวัญและนมผงให้แก่คุณแม่วัยใส มอบถุงยังชีพคนพิการ ก่อนร่วมกันเปิดป้ายศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลกะไหล เพื่อให้บริการครอบคลุมตามภารกิจกระทรวง พม. สำหรับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส และผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 ด้วยการให้บริการด้านสิทธิและสวัสดิการสังคมทั้งด้านการสงเคราะห์ คุ้มครอง พัฒนา ป้องกัน และแก้ไขปัญหาสังคม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ โดยมีนางกัณตวรรณ ตันเถียร กุลจรรยาวิวัฒน์ สส.พังงา นายธรรมนูญ ศรีวรรธนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา นายอำเภอตะกั่วทุ่ง ส่วนราชการสังกัดกระทรวง พม. คณะกรรมการศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลกะไหล ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชน ร่วมให้การต้อนรับ 
ตำบลกะไหล มีประชากร 6,091 คน ผู้สูงอายุ 1,031 คน คนพิการ 387 คน สภาพปัญหาที่พบในพื้นที่ซึ่งต้องได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเหลือ เร่งด่วน 3 ปัญหา คือ

1 ปัญหาด้านรายได้ เนื่องจากไม่มีงานทำมีรายได้ไม่แน่นอน รายได้ไม่เพียงพอ มีหนี้สิน ไม่มีทุนประกอบอาชีพ ต้องดูแลบุคคลในครอบครัว

2 ปัญหาด้านที่อยู่อาศัย คือไม่มั่นคง อยู่ในพื้นที่ป่าชายเลน 

3 ปัญหาด้านสุขภาพ ได้แก่ เจ็บป่วยเรื้อรัง พิการ ผู้สูงอายุป่วยติดเตียง

นายจุติ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีนโยบายการขับเคลื่อนที่เกิดจากการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาทิ ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพค.) ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ(ศพอส.) และศูนย์บริการคนพิการทั่วไปตำบล โดยยกระดับให้เป็นศูนย์ช่วยเหลือสังคม เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และบริการต่างๆ ด้านสวัสดิการสังคมและสังคมสงเคราะห์ เป็นการให้บริการประชาชน อำนวยความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปติดต่อราชการ รวมถึง เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยได้รับการคุ้มครองทางสังคม ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี สะดวก รวดเร็ว สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จที่จุดเดียว (One Stop Service)

จากนั้นได้ร่วมลงพื้นที่ ณ โครงการบ้านมั่นคงชนบทตำบลคลองเคียน ชุมชนบ้านอ่าวมะขาม ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง เพื่อเปิดงานวันที่อยู่อาศัยโลกภาคใต้ พร้อมทั้งมอบงบประมาณโครงการบ้านมั่นคงตำบลคลองเคียน ปี 2564 จำนวน 337 ครัวเรือน มอบถุงยังชีพ และเปิดศาลาชุมชนโครงการบ้านมั่นคงตำบลคลองเคียน เยี่ยมเยียนและรับฟังปัญหาความต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่

นายจุติ กล่าวว่า รัฐบาลได้สนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในหลายรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่เริ่มแผนแม่บทที่อยู่อาศัยโดยได้มอบหมายให้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) รับผิดชอบดำเนินงานแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยของชุมชนคนจนเมืองทั่วประเทศสร้างความมั่นคงในการครอบครองที่ดิน พัฒนาระบบสาธารณูปโภค สิ่งแวดล้อมชุมชน และการพัฒนาที่อยู่อาศัย การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทั้ง เด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ คนเร่ร่อน คนไร้บ้าน และผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน และความยากลำบากจากผลกระทบ ของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีนโยบายขับเคลื่อนที่อยู่อาศัย คือ

1. เป้าหมายที่อยู่อาศัย 20 ปี ในปี 2579 ทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนหน้า ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม

2. การใช้สภาองค์กรชุมชนตำบล ท้องที่ ท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยและการสร้างบ้าน ให้ทุกตำบล/ทุกเมือง สำรวจข้อมูล จัดลำดับปัญหาเร่งด่วน ให้ทุกตำบล/ทุกเมือง ต้องมีการสำรวจ และจัดทำแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยในทุกระยะ

3. เชื่อมโยงแผนปฏิบัติการในการซ่อมสร้างบ้านของพี่น้องเป็นแผนระดับประเทศ

4. บทบาทของ พม. ในการสนับสนุนให้ พมจ.บูรณาการช่วยเหลือเด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มคนเปราะบาง ทั้งการพัฒนาอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิต

จากการร่วมมือกันของหลายฝ่าย จัสามารถช่วยคลี่คลายปัญหาข้อติดขัดเรื่องระเบียบกฎหมายให้เอื้อต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย การอนุญาตให้ใช้ที่ดินรัฐโดยชุมชนร่วมกันรับผิดชอบดูแล รวมทั้งการมีรูปแบบโครงการที่เป็นการริเริ่มใหม่ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทยบรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยได้