Authority & Harm
ร้อยเอ็ดหนุ่มขับรถกลับบ้านถูกวัยรุ่นไล่ประกบยิงหวั่นคดีไม่คืบ
ร้อยเอ็ด - หนุ่ม 26 ปี หวาดกลัวหนัก หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นยิงปืนใส่หลังจากขับรถกระบะออกจากร้านอาหาร ชื่อดังเมืองสุวรรณภูมิ มุ่งหน้ากลับบ้าน เข้าแจ้งความแล้วแต่ยังไม่ได้ตัวคนร้าย เกรงจะถูกลอบทำร้ายซ้ำ ไม่กล้าแม้ขับรถไปทำงาน
จากกรณีเมื่อวันที่ 19 พ.ย.64 นายนาราธิป ดีเกิด อายุ 26 ปี ชาว ต.เมืองบัว อ.เกษตรวิสัย ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.สุวรรณภูมิ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน
โดยผู้เสียหายให้การว่า เมื่อเวลา 00.39 ของวันที่ 19 พ.ย.64 ตนได้ขับรถมารับประทานอาหารภายในร้านแห่งหนึ่ง ในตัว อ.สุวรรณภูมิ หลังจากนั้นตนจึงได้ขับรถกลับพร้อมกับแฟนสาว โดยใช้ถนนสายสุวรรณภูมิ-ยโสธร ขณะขับมาถึงสี่แยกไฟแดง หน้า สภ.สุวรรณภูมิ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นขับจักรยานยนต์ 2 คัน รวม 4 คน ได้ขับรถติดตามรถของตนมา จนกระทั่งมาถึงบริเวณวิทยาลัยเทคนิคสุวรรณภูมิ ต.หินกอง อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ได้มีการเอาท่อนไม้มาขวางทางในช่องทางของตน และมีการปาหินใส่รถของตน ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ซึ่งตนเห็นวัยรุ่นชายคนซ้อนท้ายจักรยานยนต์ที่ขับตามมาเป็นคนยิง ตนจึงรีบขับรถกลับบ้านพัก ใน อ.เกษตรวิสัย ตรวจสอบดูก็พบว่ามีรอยกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณใต้กระจกหลังแค๊ปของตัวรถ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตนรู้สึกหวาดกลัวเกรงจะเกิดอันตรายขึ้นอีก จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เวลาผ่านไป 6 วันก็ยังจับคนร้ายไม่ได้ ตนจึงได้ร้องทุกข์ต่อ ภจว.ร้อยเอ็ด เพื่อเร่งจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 พ.ย.64 พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รอง ผบก.ภจว.ร้อยเอ็ด ได้ลงติดตามความคืบหน้าทางคดีพร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ที่ สภ.สุวรรณภูมิ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบวิถีกระสุนเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
พ.ต.อ.ศิรสัณห์ เยื้อนสงวนชัย รอง ผบก.ภจว.ร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จากการติดตามความคืบหน้าทางคดีพบว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนและชุดสืบสวน สภ.สุวรรณภูมิ ได้เร่งระดมรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายเป็นกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะตัวผู้ก่อเหตุภายใน 7 วัน ซึ่งตนจะกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อเร่งปิดคดีดังกล่าว เนื่องจากถือว่าเป็นการก่อเหตุที่อุกฉกรรจ์ ก็อยากฝากถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุถ้าหากเข้ามอบตัวต่อโทษจะเบาบางลง แต่หากถึงขั้นออกหมายจับ ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุตนก็หวาดระแวง เกรงว่าจะถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุย้อนกลับมาทำร้าย เพราะตนต้องขับรถไปทำงานในเส้นทางนี้ ก็ไปมาลำบาก ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว