Authority & Harm
แม่เตรียมเคลื่อนศพลูกชายปิดสภ.ชุมพวง หลังคดีไม่คืบหาคนผิดลงโทษไม่ได้
นครราชสีมา-แม่เตรียมเคลื่อนศพลูกชายตายแล้ว 47 วันไม่ยอมเผาไปหน้าโรงพักหลังคดีไม่คืบหน้า วอนหาคนผิดมาลงโทษให้ได้
จากกรณี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 เวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมพวง รับแจ้งมีอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมานายศรายุธ พุตตาแต้ อายุ 31 ปี ชาวอำเภอประทาย พบมีเลือดไหลออกศีรษะจำนวนมาก แขนซ้ายหัก และมีร่องรอยบาดแผลหลายแห่งตามร่างกาย ถัดไปพบมอเตอร์ไซค์ ยี่ห้อ wave 110 สีแดงดำ ทะเบียน 51 นม จอดอยู่ใกล้ศพผู้ตาย เหตุเกิดบริเวณถนนสายชุมพวง ประทาย บ้านขุนละคร ตำบลหนองหลัก อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมา ล่าสุดวันนี้ 29 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านดอนมัน เลขที่ 133 หมู่ 7 ตำบลโคกกลาง อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลนายศรายุธ พุตตาแต้ อายุ 31 ปี ไว้ที่บ้านแล้วจำนวน 47 วัน ไม่ยอมเผา เนื่องจากคดีไม่คืบหน้า
โดยจากการสอบถาม นางแพงศรี พุตตาแต้ อายุ 54 ปี มารดา เล่าทั้งน้ำตาว่า ลูกชายมีอาชีพรับจ้าวทั่วไป ไม่มีลูก มีแต่แฟน เป็นคนดีไม่เคยมีเรื่องกับใคร ก่อนเกิดเหตุได้ไปบ้านญาติและหลังจากนั้นได้กำลังเดินทางเพื่อที่จะกลับบ้าน แต่ในระหว่างทางนั้นลูกชายได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต โดยได้รับแจ้งจากตำรวจ ซึ่งรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ และสงสัยว่า ไม่พบคู่กรณี อีกทั้งมอเตอร์ไซค์ ยี่ห้อ wave 110 สีแดงดำ ทะเบียน 51 นมของผู้ตาย ก็ไม่มีร่องรอยชนหรือล้มไถลไปกับพื้นแต่อย่างใด จากการดูบาดแผลลูกพบว่า มีบาดแผลที่ศีรษะ คิ้ว มีรอยฟกช้ำและแขนหัก 3 ทอน เหมือนกับถูกทำร้ายมา คาดว่าน่าจะถูกฆาตกรรมมาก ซึ่งใบมรณบัตร สรุปสาเหตุการตาย กะโหลกและฐานกะโหลกศีรษะแตก สมองบวมช้ำ แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า เมื่อสอบถามไปยังตำรวจ ก็บอกให้รอแบบไม่มีความหวัง ซึ่งตนก็จะเก็บศพไว้แบบนี้จนกว่าคดีจะคืบหน้า และคาดว่าสัปดาห์หน้าจะทำการเคลื่อนศพเพื่อขอความเป็นธรรมไปที่ หน้า สภ.ชุมพวง และเดินทางต่อไปยังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ช่วยติดตามคดีและจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
นางสาวทิพวรรณ จันทร์โท อายุ 26 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า หลังจากทราบว่าเพื่อนบ้านได้เสียชีวิตก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้ตายอายุยังน้อย และเป็นเสาหลักครอบครัว หากถ้าว่ากลัวไหมที่มีการเก็บศพไว้ที่บ้าน ตอบว่าคงไม่กลัว เพราะเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่สูญเสียลูกชายไปอย่างไม่มีวันกลับ และการเสียชีวิตยังมีเงื่อนงำหลายอย่าง และขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ให้สู้ต่อไป และเปิดเผยความจริงออกมาให้สังคมได้รับรู้ ถึงสาเหตุการตายที่แท้จริง
ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา