Authority & Harm
ผัวติดยาจอมโหด!โมโหร้ายล็อคคอต่อย เตะซ้ำก้านคอเมียอาการโคม่า
สิงห์บุรี – เจ้าหน้าที่ นำตัว นายไพทูลย์ หรือ ทูน อ๊อสมาน อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา คดีทำร้ายร่างกาย น.ส.อารยาภา รัตนภาษี อายุ 43 ปี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดคั่งในสมอง กระดูกคอผิดรูป จนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา สมองตาย อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ ที่เกิดเหตุ
วันที่ 8 ธ.ค. 64 เวลาประมาณ 11.30 น. พ.ต.อ.ธีรวัจน์ ขจรเกียรติภาส ผกก.สภ.อินทร์บุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วิสันต์ วัตรายุวงศ์ สว.สส.สภ.อินทร์บุรี และชุดสืบสวน สภ.อินทร์บุรี นำตัว นายไพทูลย์ หรือ ทูน อ๊อสมาน อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 ม.1 ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหา คดีทำร้ายร่างกาย น.ส.อารยาภา รัตนภาษี อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.15 ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดคั่งในสมอง กระดูกคอผิดรูป จนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา สมองตาย อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ ที่เกิดเหตุหน้าบ้านเลขที่ 67 ม.15 ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ วันที่ 7 ธ.ค.64 เวลาประมาณ 16.00 น. น้องสาวของ น.ส.อารยาภา ผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.คมเดช สุขรัตนวงศ์ พนักงานสอบสวน สภ.อินทร์บุรี ว่า พี่สาวของตนถูกสามี คือ นายไพทูลย์ ทำร้ายจนอาการสาหัสเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอินทร์บุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงนำกำลังไปจับกุมตัว นายไพทูลย์ มาจากบ้านเลขที่ 13 ม.1 ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี มาสอบสวนที่ สภ.อินทร์บุรี จากการสอบปากคำ นายไพทูลย์ ให้การว่า “อยู่กินกับ น.ส.อารยาภา มาได้ไม่นาน โดย น.ส.อารยาภา มีลูกติดอยู่ 2 คน คนโตทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ และคนเล็กอายุ 4 ขวบ พักอยู่ด้วยกัน สาเหตุที่ตนทำร้าย น.ส.อารยาภา เนื่องจาก น.ส.อารยาภา มาสั่งให้ตนไปเอานมกล่องของลูกคนเล็กของ น.ส.อารยาภา ที่โรงเรียน ตนบอกว่าไปพรุ่งนี้ก็ได้ แต่ น.ส.อารยาภา ก็ด่าตน ทำให้ตนโมโหล็อคคอ น.ส.อารยาภา และใช้หมัดชกไปที่ใบหน้าด้านขวา 1 ทีอย่างแรง จน น.ส.อารยาภา ล้ม ตนก็ใช้เท้าเตะซ้ำไปโดนตรงคอ จน น.ส.อารยาภา ล้มฟุบไป แล้วตนจึงขี่รถ จยย. หนีกลับไปบ้านแม่ของตนจนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมตัว” และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว นายไพทูลย์ ไปตรวจปัสสาวะพบว่าฉี่มีสีม่วง จึงควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสอบถาม นางสุนันทา กำจาย อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 ม.15 ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ น.ส.อารยาภา และอยู่บ้านใกล้เคียงกัน ได้เล่าว่า “ขณะเกิดเหตุตนทำกับข้าวอยู่ในบ้าน แต่ได้ยินเสียงสองผัว-เมียทะเลาะกัน ตนเลยเดินออกไปตั้งใจจะไปห้าม แต่เห็นเพื่อนล้มฟุบอยู่จึงบอกให้มาพักที่บ้านตนก่อน น.ส.อารยาภา ยังเดินมาถึงบ้านตนและนอนพัก เมื่อตนถามว่าเป็นยังไงบ้าง น.ส.อารยาภา บอกว่าปวดหัว ตนจึงเอายาพาราให้กิน แล้วเอายาดมให้ดม แล้วตนถามว่าไหวไหม น.ส.อารยาภา บอกว่า ไม่ไหวแล้ว จะไปหาหมอ ตนเลยโทรหาเพื่อนอีกคนให้มารับ น.ส.อารยาภา ไปหาหมอที่โรงพยาบาล”
ด้าน นายศุภชัย ยิ้มจันทร์ หรือ น้องอาร์ม อายุ 26 ปี บุตรชายคนโตของ น.ส.อารยาภา เล่าว่า “ขณะที่ตนทำงานอยู่ ได้รู้ข่าวว่าแม่เข้าโรงพยาบาลเนื่องจากถูก นายไพทูลย์ ทำร้าย จึงรีบลางานมาหาแม่ที่โรงพยาบาลอินทร์บุรีทันที ซึ่งทางโรงพยาบาลได้แจ้งกับตนแล้วว่า แม่อยู่ในอาการที่ไม่สามารถรักษาได้ ตนก็เสียใจร้องไห้มาตลอดทาง โดยตนนั้นเคยห้ามแม่แล้วว่าไม่ให้คบกับนายไพทูลย์ เพราะรู้ว่า นายไพทูลย์ นิสัยไม่ดีและติดยา แต่แม่ก็ไม่เชื่อ ตนเคยทะเลาะกับแม่ครั้งหนึ่ง จนบอกให้แม่เลือกระหว่าง นายไพทูลย์ กับตน แต่แม่เลือกไม่ได้ ตนเลยไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ ก็เลยไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก สำหรับสาเหตุที่ทะเลาะกันในครั้งนี้เห็นคนข้างบ้านเล่าว่า ครูที่โรงเรียนของน้องโทรหาแม่ให้ไปเอานมกล่องที่โรงเรียน แต่แม่ไม่มีรถ เลยบอกให้ นายไพทูลย์ ขี่รถ จยย. ไปส่งที่โรงเรียน แต่ นายไพทูลย์ โวยวายไม่ยอมไปส่ง ขว้างข้าวของกระจัดกระจายไปหมด และก็ลงมาทำร้ายแม่ผมที่ข้างล่างของบ้าน โดยคนข้างบ้านบอกว่า นายไพทูลย์ ชอบทำร้ายแม่ของตน แต่แม่ไม่ยอมบอกใครเลยว่าโดนทำร้าย เก็บเรื่องทุกอย่างไว้คนเดียว ในเรื่องของอาการบาดเจ็บเลือดที่คั่งในสมองกลายเป็นลิ่มไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว แม่มีสภาพสมองตาย กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา รอแค่แม่หมดลมไปเอง ซึ่งถ้าแม่หมดลม ก็ตั้งใจจะบริจาคอวัยวะที่ใช้ได้ในร่างกายให้กับสภากาชาดไทย ซึ่งวันนี้ก็ได้นิมนต์พระสงฆ์ที่เคารพนับถือมาทำพิธีสังฆทาน แม่จะได้ผลบุญติดตัวไป แต่ยังไงก็ตามตนก็ยังหวังว่าเผื่อจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับแม่ให้แม่ฟื้นขึ้นมามีชีวิตอยู่กับตนและน้องอีกครั้ง
จินตนา ปานมี ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สิงห์บุรี