Authority & Harm

รถโม่หินหลบไม่ทันเฉียวรถเก่งเสียหลัก พุ่งชนต้นไม้คนขับดับ



พัทลุง-เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ควนขนุน พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยและรถอุปกรณ์ตัดถ่าง เร่งเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับ บาดเจ็บที่ติดภายในตัวรถจากเหตุการณ์รถบรรทุกโม่ปูนชนกับรถยนต์เก๋งเจ็ดที่นั่ง ก่อนเสียหลักพุ่งลงคู ทำให้คนขับรถบรรทุกติดภายในตัวรถบาดเจ็บสาหัสไม่รู้สึกตัว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 ที่เกิดเหตุบนถนนสาย ไสเตียน-โหล๊ะท่อม ท้องที่ ม.12 และ ม.7 ต.ชะมวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่พบรถยนต์เก๋งเจ็ดที่นั่งส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาวป้ายทะเบียน ฆต301กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ตรงทางแยกสภาพด้านหน้าพังยับหม้อน้ำแตก ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร บนถนนฝั่งตรงข้ามพบรถบรรทุกโม่ปูน จอดเสียหลักพลิกคว่ำส่วนหัวปักลงในคูน้ำสภาพพังยับเยิน ภายในตัวรถตรงเบาะคนขับพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเพศชาย ทราบชื่อ นายสุวัฒน์ชัย  ขุนทอง อายุ 39 ปีโดนซากรถอัดติดอยู่บริเวณคอและลำตัว มีบาดแผลแหกฉกรรจ์บริเวณศีรษะเลือดไหลอาบ เจ้าหน้าที่เร่งใช้เครื่องมือตัดถ่างในการงัดซากรถเพื่อนำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่อยู่ในอาการไม่รู้สึกตัว การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากภายในโม่มีปูนซีเมนต์สำเร็จรูปอยู่เต็มโม่ บวกกับรูปร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บ มีลักษณะอ้วน และจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณคูน้ำพื้นที่ค่อนข้างจำกัด เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการช่วยเหลือประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนนำร่างคนขับออกมาจากซากรถได้ ทางด้านผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตคาซากรถไปก่อนหน้านี้แล้ว เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลควนขนุน

จากการสอบถามจากชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์เบื้องต้นทราบว่า นายสุวัฒน์ชัย ฯ ผู้ตาย ได้ขับรถบรรทุกโม่ปูนคันดังกล่าวออกจากเพ้นท์ปูนเมื่อเวลาประมาณ 8 โมงเช้า เพื่อที่จะนำ ปูนซีเมนต์สำเร็จรูปไปส่งให้ลูกค้า ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ไกล เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นบริเวณสามแยก ได้มีรถยนต์เก๋งเจ็ดที่นั่งสีขาวขับออกจากสามแยกมาจอดเพื่อรอข้ามไปอีกฝั่ง คาดว่ารถบรรทุกโม่ปูนพยายามหักหลีกแต่ด้วยน้ำหนักของปูนที่บรรทุกมา ทำให้หักหลบไม่ทันจนชนเข้าด้านหน้าของรถยนต์เก๋ง ก่อนจะเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ในคูข้างทาง จนคนขับโดนซากรถอัดติดภายใน บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดและกล้องหน้ารถเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป