In Global

สรุปคำสัมภาษณ์รมต.ตปท.ขีน'หวัง อี้' ย้ำบทใหม่การทูตเฉพาะแบบจีน 



จีน-หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐของจีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม 2564 ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวและสถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งชาติจีน (CMG) เนื่องในวาระสิ้นปี ก่อนเข้าสู่ศักราชใหม่ โดยระบุว่า การทูตของจีนได้ก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่สลับซับซ้อนและลื่นไหล โดยได้เขียนบทใหม่ของการทูตของประเทศที่มีลักษณะเฉพาะแบบจีน

หวัง อี้ ยังได้แบ่งปันมุมมองของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างประเทศและงานทางการทูตของจีนตลอดทั้งปี 2021 อย่างน่าสนใจ โดยสามารถสรุปได้ดังนี้

เมื่อทบทวนงานทางการทูตของจีนในปี 2021 หวัง ชี้ให้เห็นว่าการทูตของจีน มีประมุขแห่งรัฐ ซึ่งก็คือประธานาธิบดี มีบทบาทนำ โดยเขาระบุว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ดำเนินการทางการทูตผ่านการพูดคุยเจรจากับผู้นำต่างประเทศและหัวหน้าองค์กรระหว่างประเทศจำนวน 79 ครั้งและเข้าร่วมกิจกรรมการต่างประเทศที่สำคัญ 40 ครั้งในปีที่ผ่านมา ผ่านทางวิดีโอออนไลน์

รัฐมนตรีการต่างประเทศจีนยังกล่าวอีกว่า งานทางการทูตของจีนในการต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบของประเทศที่มีต่อประชาคมระหว่างประเทศ โดยเสริมว่าจีนอยู่ใน "กลุ่มแรก" ในความร่วมมือต่อต้านการแพร่ระบาดทั่วโลกและผลิตวัคซีนโควิด-19 เป็นสินค้าสาธารณะทั่วโลก ซึ่งจีนเป็นหนึ่งในประเทศแรกสุดที่ให้การสนับสนุนการไม่ถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับวัคซีน และผลักดันให้มีการผลิตวัคซีนร่วมกับประเทศกำลังพัฒนา

“จีนปกป้องทิศทางที่ถูกต้องสำหรับการต่อสู้กับโรคระบาดทั่วโลกด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่และการปฏิบัติจริง” หวัง อี้ กล่าวเสริม

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประกาศงมาตรการต่างๆ สำหรับการเปิดกว้างต่อไปของจีนและประชาคมโลกอันรวมไปถึงการเสนอโครงการ Global Development Initiative ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศจีนเน้นย้ำในขณะที่กล่าวว่าทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

หวัง ยังเน้นว่า จีนยึดถือลัทธิพหุภาคี-การมีความร่วมมือกับนานาประเทศ อย่างมั่นคง สนับสนุนค่านิยมร่วมกันของมวลมนุษยชาติ มุ่งมั่นที่จะรักษาระบบระหว่างประเทศโดยมีสหประชาชาติเป็นแกนหลักและระเบียบโลกตามกฎหมายระหว่างประเทศ

“การทูตที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง” เป็นอีกหนึ่งคีย์สำคัญที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวในการสัมภาษณ์ ด้วยการริเริ่มโครงการ “Spring Sprout” ช่วยเหลือและให้วัคซีนแก่เพื่อนร่วมชาติชาวจีนโพ้นทะเลหลายล้านคนด้วยการส่งวัคซีนไปกว่า 180 ประเทศที่มีชาวจีนอยู่ที่นั่น 

“ไม่มีใครอยู่ในฐานะที่จะบรรยายเรื่องประชาธิปไตยให้คนอื่นได้”

หวัง อี้ ยังเน้นย้ำ เรื่องประชาธิปไตยว่าเป็นค่านิยมร่วมกันของมวลมนุษยชาติ โดยกล่าวประโยคสำคัญ “ไม่มีใครอยู่ในฐานะที่จะบรรยายเรื่องประชาธิปไตยแก่ผู้อื่นได้” โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า มีกองกำลังบางส่วน บางประเทศพยายามที่จะแทรกแซงประเทศอื่นรวมถึงจีน เพื่อทำให้มีความคิดตรงกับตนเอง อย่างประเด็นสิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย 

หวัง ย้ำชัด “จีนไม่สามารถประนีประนอมกับเรื่องนี้ได้” และเรียกร้องให้นานาประเทศสนับสนุนการร่วมมือระหว่างประเทศหรือพหุภาคีที่แท้จริง 

เขาชี้ว่า ในโลกนี้มีเพียงระบบเดียวเท่านั้น คือระบบระหว่างประเทศที่เน้นโดยสหประชาชาติ และกฎเพียงชุดเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นบรรทัดฐานพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ยึดตามกฎบัตรของสหประชาชาติ

ในแง่ของสิทธิมนุษยชน หวังชี้ให้เห็นว่า บางประเทศ ได้ใช้สิทธิมนุษยชนเป็นเครื่องมือในการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ๆ โดยไม่คำนึงถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนของตนเอง โดยในปี 2021 ข้อเสนอต่อต้านจีนที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council) และสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ได้ล้มเหลว 4 ครั้ง ติดต่อกัน ทำให้เกิดแรงผลักดันที่นำพาเกือบ 100 ประเทศให้สนับสนุนจุดยืนที่ถูกต้องตามกฎหมายของจีน และคัดค้านการแทรกแซงกิจการภายในของจีนผ่านสิทธิมนุษยชน 

นอกจากนี้ หวัง อี้ ยังระบุถึงมหามิตรอย่างประเทศรัสเซีย ว่า การที่สองประเทศยืนหยัดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน กระชับความร่วมมือทวิภาคี ความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศและระดับโลกจะบังเกิด โดยทั้งสองชาติเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความยุติธรรมแก่โลก

โดยเมื่อกล่าวถึงสหรัฐอเมริกา หวัง อี้ ได้พูดถึงประเด็นการสนทนาทางโทรศัพท์สองครั้ง และการประชุมเสมือนจริง (ผ่านทางระบบออนไลน์) 1 ครั้ง ระหว่าง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดย หวัง แสดงทรรศนะว่า อเมริกาควรดำเนินการให้เป็นรูปธรรมตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้ และร่วมมือกับจีน โดยยึดหลักที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เคยกล่าวเอาไว้เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การเคารพซึ่งกันและกัน และร่วมมือแบบได้รับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย (Win-Win) ซึ่งจีนเองก็เคารพเส้นทางการพัฒนาของอเมริกา และก็หวังว่าอเมริกาจะไม่มาก้าวก่ายในเส้นทางและระบบของจีน โดยเน้น “จีนจะพัฒนาในแนวทางของตน อย่างไม่หยุดยั้ง”

ในฐานะที่ปี 2021 เป็นปีครบรอบ 65 ปี แห่งการเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ประเทศในแอฟริกา รัฐมนตรีการต่างประเทศจีน คาดหวังให้ความสัมพันธ์จีน-แอฟริกาประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีก โดยไม่ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเป็นอย่างไร พัฒนาไปในทิศทางไหน จีนจะยืนหยัดเคียงข้างประเทศกำลังพัฒนาอย่างแน่วแน่และกระชับความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ  - หวัง อี้ กล่าว
-------------------------------------------------
แหล่งข้อมูล:
https://news.cgtn.com/news/2021-12-30/Wang-Yi-China-showcases-global-responsibility-in-fighting-COVID-19-16pucXSN8GY/index.html

#จีน #หวังอี้ #รัฐมนตรี  #การต่างประเทศ #สัมภาษณ์ #การทูต #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #สหรัฐอเมริกา #สหรัฐฯ #อเมริกา #รัสเซีย #แอฟริกา #สหประชาชาติ #CGTN #CMG