In Bangkok

กทม.เผยความพร้อมรับโควิดระลอกใหม่ เปิดแอปQueQลงทะเบียนใช้บริการ



กรุงเทพฯ-โฆษกกทม. เตรียม CI พร้อมรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ระบบการรักษา ชวนลงทะเบียนรับวัคซีนผ่านแอป QueQ/กทม. ฉีดวัคซีนเข็ม 1 และเข็ม 2 เกิน 100% ประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนได้ทางแอป QueQ/ตรวจเชิงรุกคัดกรองหาผู้ติดเชื้อในสถานที่เสี่ยงเข้าสู่ระบบการรักษาต่อเนื่อง/ตรวจ ATK พบติดโควิด-19 โทร. 1330 ได้ 24 ชั่วโมง หากฉุกเฉินแจ้งศูนย์เอราวัน โทร. 1669/เตรียมพร้อม CI 41 แห่ง เตียงรองรับผู้ติดเชื้อ 5,116 ราย

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกของกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย แถลงข่าวออนไลน์ ถึงการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ ห้องนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร

กทม. ฉีดวัคซีนเข็ม 1 และเข็ม 2 เกิน 100% ประชาชนลงทะเบียนรับวัคซีนได้ทางแอป QueQ

          โฆษกของกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ปัจจุบันว่า วันนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 790 ราย เป็นคนไทย 747 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 447,098 ราย จากสถิติวันที่ 1-12 ม.ค. 65 เวลา 16.00 น. ผู้ป่วยโควิด-19 เข้าสู่ระบบ HI จำนวน 1,021 ราย และเข้าสู่ระบบ CI จำนวน 41 ราย จำนวนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 9,289,883 ราย คิดเป็น 120.66% ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 8,594,291 ราย คิดเป็น 111.63% รวมถึงได้เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 เข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกรุงเทพมหานครได้ขยายจุดให้บริการฉีดวัคซีนกับประชาชนเพิ่มขึ้นซึ่งนอกจากโรงพยาบาลในสังกัดทั้ง 11 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่งแล้ว กรุงเทพมหานครได้ร่วมกับสถานพยาบาลของภาครัฐ สถานพยาบาลเอกชน และหน่วยงานต่างๆ ในการขยายจุดให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนครอบคลุมพื้นที่และสะดวกต่อการเข้าถึงวัคซีนของประชาชนมากที่สุด ปัจจุบันมีมากกว่า 100 แห่งทั่วพื้นที่ 50 เขต ซึ่งประชาชนสามารถลงทะเบียนขอรับวัคซีนได้ทั้งเข็มที่ 1 เข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้น ได้ทางแอปพลิเคชัน QueQ โดยการให้บริการวัคซีนนั้นจะเป็นไปตามสูตรที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

ตรวจเชิงรุกคัดกรองหาผู้ติดเชื้อในสถานที่เสี่ยงเข้าสู่ระบบการรักษาต่อเนื่อง

          นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังได้เร่งตรวจหาและคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทุกคนเข้าสู่ระบบการรักษาให้เร็วที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการตรวจคัดกรองเชิงรุกด้วยชุดตรวจ ATK ในสถานที่เสี่ยงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ตลาด แคมป์คนงาน สถานประกอบการที่มีความเสี่ยง เป็นต้น โดยตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 64 ถึงวันที่ 12 ม.ค. 65 มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ด้วยชุดตรวจ ATK ทั้งหมด 678,845 ราย พบผู้ติดเชื้อ 58,979 ราย คิดเป็น 8.69% สำหรับวันที่ 12 ม.ค. 65 มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกใน 20 แห่ง ตรวจ ATK จำนวน 2,481 ราย พบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 46 ราย คิดเป็น 1.85% ซึ่งเป็นจำนวนไม่สูงมาก แต่กรุงเทพมหานครไม่ได้นิ่งนอนใจได้เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วจากเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (OMICRON) ซึ่งกรุงเทพมหานครได้เตรียมศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อจำนวน 41 แห่งพร้อมเปิดให้บริการหากมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (OMICRON) จะมีอาการไม่รุนแรง ในเบื้องต้นจึงได้เน้นให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการไม่รุนแรงแยกกักหรือพักรักษาอาการที่บ้าน (HI)

ตรวจ ATK พบติดโควิด-19 โทร. 1330 ได้ 24 ชั่วโมง หากฉุกเฉินแจ้งศูนย์เอราวัน โทร. 1669

ทั้งนี้ หากประชาชนตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเองจากชุดตรวจ ATK แล้วพบว่าผลการตรวจออกมาเป็นบวกติดเชื้อให้ติดต่อสายด่วนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โทร. 1330 กด 14 หรือไลน์ @สปสช ตลอด 24 ชั่วโมง กรณีฉุกเฉินสามารถแจ้งได้สายด่วนศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร โทร. 1669 กด 2 ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจะทำการประเมินอาการหากไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อยจะให้ผู้ติดเชื้อทำ Home Isolation (HI) แยกกักและพักรักษาตัวที่บ้าน โดยเจ้าหน้าที่จะจัดส่งสิ่งของ อุปกรณ์จำเป็น และเวชภัณฑ์ ภายใน 24 ชั่วโมง รวมถึงมีตรวจประเมินสุขภาพด้วย Telemonitor ทุกวัน อาทิ วัดอุณหภูมิร่างกาย (Thermometer) วัดความดัน (Blood Pressure) วัดระดับออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximeter) ซึ่งหากผู้ติดเชื้อไม่สามารถทำ HI ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะนำเข้าสู่ระบบการรักษาที่ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) ที่ภาครัฐจัดไว้สำหรับดูแลรักษาผู้ป่วยในชุมชน หากผู้ป่วยโควิด-19 อาการดีขึ้นก็กลับบ้านได้ แต่หากอาการรุนแรงหรือหนักขึ้นก็จะส่งต่อการรักษาไปยัง Hospital โรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาลหลัก ตามอาการต่อไป ส่วนผู้ที่ได้รับการประเมินอาการแล้วมีอาการปานกลางหรือมีปัจจัยเสี่ยงที่จะมีอาการหนักขึ้น ไม่สามารถทำ HI หรือ CI ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะส่งเข้าระบบการรักษา Hospital โรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาลหลัก ตามอาการให้เร็วที่สุดเบื้องต้นกำหนดไว้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง

เตรียมพร้อม CI 41 แห่ง เตียงรองรับผู้ติดเชื้อ 5,116 ราย

สำหรับศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation) ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 41 แห่ง มีเตียงรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 5,116 เตียง เปิดให้บริการ 25 แห่ง รวม 3,304 เตียง อยู่ระหว่างดำเนินการเปิดให้บริการ 16 แห่ง รวม 1,812 เตียง ปัจจุบัน (ข้อมูลวันที่ 12 ม.ค. 65) มีผู้ครองเตียง 239 ราย คงเหลือ 4,877 เตียง นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลสนามประจำกลุ่มเขต (District Field Hospital) จำนวน 8 แห่ง รวม 1,660 เตียง เปิดให้บริการ 3 แห่ง รวม 640 เตียง Standby mode พร้อมเปิดบริการ 5 แห่ง รวม 1,020 เตียง ครองเตียง 179 ราย คงเหลือ 1,481 เตียง พร้อมกันนี้กรุงเทพมหานครได้มีการประสานความร่วมมือกับสถานพยาบาลทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานต่างๆ ในการเตรียมพร้อมเตียงสำหรับรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 กรณีที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 2-3 หมื่นเตียง ซึ่งคาดว่าในการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกนี้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทุกคนจะสามารถเข้าสู่ระบบการรักษาได้เร็วขึ้น และมีเตียงรองรับผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าสู่ระบบการรักษาตามอาการในสถานพยาบาลต่างๆ ได้อย่างเพียงพอ