In News

ครม.รับทราบปฏิรูปหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้าการพัฒนาที่ยั่งยืน



กรุงเทพฯ-ครม.รับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิรูปหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทย เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา

วันที่ 18 มกราคม 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปฏิรูปหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทย เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ  โดยมีข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ในเรื่องการยกระดับหลักประกันสุขภาพให้ครอบคลุมทุกคนที่มีปัญหาทางสถานะทางทะเบียนและสิทธิรวมถึงคนต่างด้าว

ทางกระทรวงสาธารณสุขระบุในประเด็นนี้ว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) อยู่ระหว่างขับเคลื่อนงานดังกล่าวร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำข้อเสนอแนวทางการขยายความครอบคลุมการประกันสุขภาพภาคบังคับสำหรับคนต่างด้าวทุกคนที่เข้ามาประเทศไทยที่ไม่มีระบบประกันสุขภาพ โดยนำร่องใน 4 กลุ่ม คือ นักท่องเที่ยว,ผู้ต้องขัง,แรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติและ Stateless เพื่อให้มีสิทธิประโยชน์ การจ่ายสมทบ ซื้อประกัน และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเป็นระบบหรือมาตรฐานเดียว โดยจะเสนอครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบและมอบหมายหน่วยงานหลักรับผิดชอบต่อไป

ส่วนประเด็นในระยะยาว ที่คณะกรรมาธิการฯเสนอให้มีการเก็บภาษีสุขภาพสำหรับคนไทยทุกคน และรวมกองทุนประกันสุขภาพภาครัฐทุกระบบเป็นระบบเดียว (Single Fund) ทั้งสำหรับคนไทยและคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยทุกคนเพื่อให้มีเอกภาพ โดยมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง  

กระทรวงสาธารณสุขระบุในประเด็นนี้ว่า การจัดเก็บภาษีส่วนประกอบอาหารที่มีผลกระทบต่อสุขภาพที่ ร้อยละ 5 ของมูลค่าการผลิตส่วนประกอบอาหารที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ประมาณการจำนวนเงิน 9,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นการจัดเก็บที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพโดยตรงและอาจทำให้พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงจนต้นทุนด้านสุขภาพในอนาคตลดลง อย่างไรก็ตามอาจเป็นภาระแก่ผู้บริโภค

สำหรับการรวมกองทุนประกันสุขภาพภาครัฐทุกระบบเป็นระบบเดียวทั้งสำหรับคนไทยและคนต่างด้าวนั้น เห็นควรกำกับทิศทางนโยบาย ในกรณีมีหน่วยบริหารการคลังระบบสาธารณสุขหลายหน่วย โดยกำหนดให้มีองค์กรในระดับประเทศทำหน้าที่อภิบาลระบบ โดยมีอำนาจตามกฎหมายที่จะสั่งให้หน่วยบริหารการคลังระบบสาธารณสุขต้องปฏิบัติตามกติกาเดียวกัน