Authority & Harm

สลดใจ!หนุ่มสู้ชีวิตทำงานหาเลี้ยงมารดา พิการตาบอดถูกรถไฟชนดับ



ฉะเชิงเทรา-สลดใจชาวบ้าน หนุ่มพิการหูตึงเป็นใบ้สู้ชีวิตหาเลี้ยงผู้เป็นมารดาตาบอดถูกขบวนรถไฟชนดับ หลังขึ้นไปตากเสื้อผ้าที่ด้านบนริมไหล่รางรถไฟซึ่งเป็นเนินสูง ก่อนเข้าสู่คอสะพานทางยกระดับ ขณะตำรวจเผย พขร.พยายามเปิดหวีดแล้ว แต่ทางด้านผู้ตายไม่ได้ยินเนื่องจากหูตึง ก่อนพยายามเบรกหยุดขบวนแต่ไม่ทันจนเกิดการพุ่งชนกระเด็นไปตกไกลกว่า 10 เมตร คอหักเสียชีวิตในที่สุด

วันที่ 29 ม.ค.65 เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางสมจิตร ไทยเจริญพร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116/24 ถ.ชุมพล ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เป็นพี่สาว (ลูกผู้พี่) ของนายสมบัติ เพ็งสว่าง อายุ 41 ปี พร้อมด้วยชาวบ้านว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ได้เกิดเหตุขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าตู้คอนเทรนเนอร์ พุ่งชนนายสมบัติ ผู้มีศักดิ์เป็นน้องชาย และเป็นผู้พิการหูตึงรวมถึงยังเป็นใบ้ด้วยจนเสียชีวิต 

บนทางรถไฟสายชุมทางฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง บริเวณด้านหลังตลาดสดบ่อบัว ห่างเลยจากป้ายหยุดรถชั่วคราว สถานีแปดริ้วไปประมาณ 150 เมตร ในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ขณะที่นายสมบัติ ได้ขึ้นไปตากเสื้อผ้าที่ราวด้านบนริมรางรถไฟ ที่ยกพื้นสูงก่อนขึ้นสู่ตัวสะพานรางรถไฟยกระดับข้ามแม่น้ำบางปะกง เหนือด้านข้างตลาดบ้านใหม่ร้อยปีไปยังฝั่ง ต.บางไผ่ จนทำให้ร่างกระเด็นปลิวไปตกไกลจากจุดเกิดเหตุถึงกว่า 10 เมตร

ตามแรงพุ่งชนของขบวนรถไฟ คอหักเสียชีวิตอย่างน่าสลดคาที่ เนื่องจากแม้นายสมบัติ จะเป็นผู้พิการมาตั้งแต่กำเนิด แต่ก็ยังเป็นคนที่ขยันทำมาหากิน หาเงินมาเลี้ยงผู้เป็นมารดา คือ นางจำเรียง การะเกด อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 ถ.ริมคลองท่าไข่ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งพิการตาบอด 1 ข้าง ด้วยอาชีพรับจ้างทั่วไป 

หลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาตรวจสอบยังในที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรจาก รพ.พุทธโสธร แล้ว ขณะนี้ทางญาติจึงได้เตรียมนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศล ยังที่วัดประตูน้ำท่าไข่ ในเขตพื้นที่ ม.1 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ต่อไป นางสมจิตร พร้อมญาติพี่น้องและชาวบ้านกล่าว

ขณะที่ นางบำรุง ไชยโย อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 168/1 ถ.ชุมพล ต.หน้าเมือง ซึ่งเป็น อสม.ประจำชุมชนตลาดบ่อบัว กล่าวว่า ครอบครัวของนายสมบัติ นั้น อยู่กันเพียง 3 คน โดยมีนางจำเรียง ผู้เป็นมารดา อยู่กันลำพังกับนายสมบัติ โดยมีหลานชายวัย 17 ปี ซึ่งเป็นบุตรของน้องชายนายสมบัติ นำมาฝากเลี้ยงไว้ด้วยอีก 1 คน เนื่องจากนายสมบัติ มีพี่น้องรวมทั้งหมด 4 คน แต่ต่างคนต่างแยกย้ายกันออกไปทำงานและแยกครอบครัวไปหมดแล้ว 

จึงเหลือแต่เพียงนายสมบัติ ที่ยังไม่มีครอบครัว ไม่มีลูกเมีย และหาเลี้ยงผู้เป็นมารดา ซึ่งเป็นผู้พิการตาบอดและทำงานหนักไม่ไหวแต่เพียงลำพังเท่านั้น ที่ผ่านมาทาง อสม.ประจำชุมชน จึงได้พยายามเข้าไปเยี่ยมและดูแลบ่อยครั้ง และหากมีโครงการช่วยเหลือคนพิการอะไรจากทางรัฐบาลเข้ามา ก็พยายามที่จะนำเข้าไปช่วยเหลือเท่าที่จะสามารถช่วยได้ การเสียชีวิตของนายสมบัติในครั้งนี้ จึงเสมือนผู้เป็นมารดาต้องขาดเสาหลักของครอบครัวไป ทั้งที่เป็นครอบครัวของผู้พิการทั้งคู่

ในส่วนของผู้เป็นบิดา หรือสามีของนางจำเรียงนั้น ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านานแล้วหลายสิบปี ตั้งแต่ก่อนที่ครอบครัวของเขาจะย้ายมาจากใน อ.พนมสารคาม เข้ามาปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ยังที่ชุมชนริมทางรถไฟ ด้านหลังตลาดสดบ่อบัวแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อนบ้านในชุมชนบริเวณโดยรอบบ้านของนางจำเรียงนั้น ล้วนต่างเป็นเครือญาติกันอยู่หลายครอบครัว จึงไม่น่าเป็นห่วงกังวลอะไรมากนัก นางบำรุง กล่าว

ด้าน ร.ต.ท.ศราวุธ ทองศรี รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวถึงสาเหตุที่ขบวนรถไฟพุ่งชนคนเสียชีวิตในครั้งนี้ว่า หลังจากทำการสอบปากคำ นายณรงค์ศักดิ์ กิ่งแก้ว พขร. ขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าตู้คอนเทรนเนอร์ที่ 839 หลายเลขหัวจักรที่ 5115 ในเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุได้ขับขบวนรถเดินทางมาจากศูนย์กระจายสินค้า ICD ลาดกระบัง เพื่อมุ่งหน้าไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี

ได้เห็นผู้เสียชีวิตยืนตากเสื้อผ้าอยู่ที่ด้านบนริมไหล่รางรถไฟ จึงได้ทำการเปิดหวีดเพื่อให้สัญญาณเตือน แต่เมื่อเปิดสัญญาณแจ้งเตือนแล้วหลายครั้ง ชายที่อยู่บนริมไหล่รางรถไฟกลับไม่ยอมหลบ หรือหลีกขบวนรถที่กำลังเคลื่อนขบวนพุ่งตรงเข้ามา เนื่องจากเป็นชายพิการหูตึงและเป็นใบ้ ก่อนที่ พขร.จะทำการลงเบรกห้ามล้อเพื่อพยายามที่จะหยุดขบวนรถให้แล้วแต่ไม่ทัน ขบวนจึงได้พุ่งเข้าชนจนเสียชีวิตดังกล่าว ร.ต.ท.ศราวุธ กล่าว

 สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา