In Thailand
รก.เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลานรุก ยื่นหนังสื่อพศ.เข้าแก้ปัญหาภายในวัด
รักษาการเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน พร้อมไวยาวัจกรน์ ยื่นหนังสื่อ พศ. คุมสถานการณ์ ความวุ่นวายด่วน
พิจิตร-รักษาการเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน พิจิตร พร้อมไวยาวัจกร เข้ายื่นหนังสือให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นแม่งานแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง มีการยึดที่ปิดล้อมวัดให้เร็วที่สุดหลังวุ่นวายหนักเป็นปัญหาสะสมมานานหลายปี
วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 65 ที่สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน นายพร ปั้นเพ็ง รักษาการไวยาวัจกรและกรรมการวัดหลวงพ่อเงินฯ และตัวแทนชุมชน ได้เข้าพบนายสิปป์บวร แก้วงาม รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอยื่นหนังสือในการเรียกร้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นเจ้าภาพในการดำเนินการ และดำเนินการแก้ไขปัญหาวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน จังหวัดพิจิตร ที่มีปัญหาขัดแย้งภายในแบ่งออดเป็น 2 ฝ่ายมานานนับสิบปี และหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยพระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน และนายพร ปั้นเพ็ง รักษาการไวยาวัจกรและกรรมการวัดหลวงพ่อเงินฯ ได้เข้าหารือพร้อมทั้งนำปัญหาที่เกิดขึ้นภายในวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งอย่างยาวนาน จนทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการให้วัดอยู่ในความสงบเรียบร้อยได้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มของผู้ดูแลวัดชุดเก่าได้นำคนมาปิดประตูทางเข้าเพื่อไม่ให้พระครูพิสุทธิวรากร ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้โดยยังมีการปิดทางเข้าไม่ให้รถบัสของนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชน สามารถเข้าไปจอดภายในวัดโดยต้องไปจอดด้านนอกและให้เดินเข้ามาทำบุญภายในวัด โดยเคยมีการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีการควบคุมไว้ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแกนนำใหม่ ก็มีการออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ซึ่งกินเวลาที่มีปัญหามานานนับสิบปี
โดยเนื้อหาในหนังสือมี่ยื่นเรื่อง ได้มีการระบุว่า ตามที่พระครูพิสุทธิวรากร ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ได้มีการพยายามแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในวัด ซึ่งเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 57 ได้มีการตั้งคณะสงฆ์เพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีข้อขัดแย้งเมื่อมีกลุ่มแกนนำ ที่สนับสนุนให้พระครูวิสิฐศรีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสและอดีตไวยาวัจกร ที่ได้รับประโยชน์โดยมีแกนนำและนักการเมืองระดับชาติ อยู่ด้วยซึ่งปัญหากำลังจะจบสิ้นลงแต่ทางอดีตเจ้าอาวาสไม่ยอมมอบทรัพย์สินของวัดให้ตามคำสั่งศาลฎีกา และยังมีแกนนำและทนายความได้พยายามให้มีการเปลี่ยนตัวผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส
ซึ่งเมื่อวันที่ 12 มกราคมก็มีการรวมตัวในดงการปิดวัดขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่ทำให้เกิดความเสียหาย โดยขอให้มีการดำเนินการ
1. ดำเนินการกับพระนอกสังกัดที่มาอยู่ในวัดให้ออกไปพ้นพื้นที่วัด
2. ดำเนินการให้ พระครูวิสิฐศรีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาส ออกไปพ้นวัด
3. ดำเนินการให้กลุ่มผู้ปิดล้อมวัดออกจากวัดไปอย่างเร่งด่วนเพื่อความไม่ให้วัดและส่วนรวมเสียหายไปมากกว่านี้
นายพร ปั้นเพ็ง รักษาการไวยาวัจกรและกรรมการวัดหลวงพ่อเงิน กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีมายาวนานเพราะมีผู้ที่ต้องการจะให้มีการเปลี่ยนตัวรักษาการเจ้าอาวาสและคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งคนที่คัดค้านก็เป็นอดีตไวยาวัจกรและเครือญาติ ของอดีตเจ้าอาวาสที่มีการปิดล้อมพื้นที่วัด โดยวันนี้มาขอความรู้จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยแกนนำมีนักการเมืองระดับชาติมาปรากฏตัว 2 ครั้งแล้ว ซึ่งประเด็นคือรักษาการเจ้าอาวาสและคณะกรรมการชุดใหม่มีการตรวจสอบพบความผิดปกติเรื่องรายรับรายจ่ายจำนวนมากจึงสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มคนกลุ่มนั้น
โดยปัญหานี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งมีการฟ้องร้องกันเรื่อยมาจนถึงศาลฎีกาเพื่อให้มีการส่งมอบทรัพย์สินของวัดกลับคืนมาแต่ก็ยังคืนมาไม่หมด และมีการสร้างสถานการณ์ต่างๆให้เกิดขึ้นเรื่อยๆ โดยตอนนี้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วกว่า 40 คน และการพบความผิดปกติเกิดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 ในการจัดงานพิธีพุทธิเษกและอันเชิญไฟพระฤกษ์ มีการพบว่าเงิน จำนวน 26 ล้านบาท และพระที่เหลืออีก 18 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 49 ล้านบาทได้หายไป ซึ่งจากกการตรวจสอบดูบัญชีของปี 54-60 พบมีความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินจำนวน 113 ล้านบาท โดยมีการโยกเงินไปมาและย้ายบัญชีออกเป็นเงินสดที่หายไปไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งไม่มีลายเซ็นต์ของอดีตเจ้าอาวาสไว้ถือว่าหละหลวมในการปฎิบัติหน้าที่ซึ่งได้ส่งเรื่องไปที่ ปปช. ให้ตรวจสอบแล้ว
และอีกเรื่องคือเงินในเรื่องศาลาเรือนไทยเฉลิมพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 จำนวน 44 ล้านบาท ที่มีการทำสัญญากับผู้รับเหมาว่าให้เป็นผู้จัดหาอุปกรณ์มาทั้งหมด ซึ่งได้มีการเบิกจ่ายออกไปแล้ว 43 ล้านบาท โดยมีการนำเงินไปซื้อไม้เพื่อมาก่อสร้าง 10 กว่าล้านบาท ซึ่งคิดว่าเงินคงหมดแล้วแต่ก็ยังสร้างไม่เสร็จ
นายพร บอกอีกว่า เรื่องนี้ต้องมีคนบงการอยู่เบื้องหลังให้เกิดความวุ่นวานเพราะคนที่มีการนำเงินออกไปถือว่ามีบากที่ติดตัวออกไปด้วยซึ่งปัญหาที่สำคัญคือมีชาวบ้านที่ไม่เข้าใจก็ยังมีการก่อความผิดอยู่โดยไม่ทราบเรื่องจริง การมาร้องเรียนวันนี้สลายใจเรื่องหนึ่งแต่อีกเรื่องที่หนักใจคือชาวบ้านที่ยังไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นจริงซึ่งจะต้องมีใครที่จะเข้ามาแจงลายละเอียดให้กระจ่างในเรื่องนี้ให้ได้
ด้าน พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เผยว่า ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากมีการตรวจสอบการเงินของวัดทำให้นำพามาซึ่งการสั่งปลดอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งได้มีการฟ้องให้มีการเปิดประตูให้อาตมาเข้าไปในวัดเพื่อตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ และให้มีการสั่งคุ้มครองให้มีการบังคับคดีได้ โดยปัญหาที่ผ่านมานั้นก็เกือบจะคลี่คลายแล้ว เพราะเมื่อวันที่ 9 มกราคม 65 หลายหน่วยงานได้มีการสนธิกำลังให้มีการเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินและดูเรื่องการเงินครั้งหนึ่ง แต่วันที่ 12 มกราคม ก็มีการปิดวัดอีกซึ่งทำให้ตอนนี้ยังไม่ได้กลับเข้าไป ซึ่งชนวนที่เกิดปัญหาอีกครั้งนั้นมีกุนซือและนักการเมือง รวมถึงพระเข้ามาปั่นสถานการณ์ให้เกิดเป็นปัญหาขึ้นอีก
“ถามว่าอาตมาหนักใจไหม ตอบได้ว่าหนักใจแต่ก็ไม่คิดที่จะทิ้งเรือไปได้ในตอนนี้เพราะรับหน้าที่มาแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุดโดยเงินที่หายไปมีมูลค่ามากและมีการฟ้องร้องไปแล้ว ซึ่งยืนยันจะทำหน้าที่ต่อไป ซึ่งชาวบ้านที่เดือดร้อนคือ หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 5 ที่ไม่สามารถสัญจรผ่านวัดไปได้ รวมถึงไม่สามารถเปิดวิหารให้พุทธศาสนิกชนเข้าไปกราบสักการะได้” รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน กล่าวปิดท้าย