In Thailand

สอศ.เรียกถกออนไลน์ปธ.อาชีวะ77จว. สอบผอ.'ใช้ระบบอุปถัมภ์ในระบบคุณธรรม'



"อาชีวะคิดเลอะเทอะ ดูขัดๆแปลกๆจะเอาระบบอุปถัมภ์นำคุณธรรมจริงหรือ ? "


เมื่อวานนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2565) นายเศรษฐศิษฎ์ ณุวงค์ศรี ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย (ค.ร อ.ท.) ได้เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หรือว่า สอศ. ได้เรียกประชุมประธานอาชีวศึกษาจังหวัด 77 จังหวัด และผู้บริหารสถานศึกษาทั่วประเทศ ผ่านระบบ Video Conference เพื่อประชุมชี้แจงแจ้งแนวทางในการประเมินคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษาตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 ซึ่งได้เปิดรับสมัครไปแล้วเมื่อช่วงวันที่ 1-10 กุมภาพันธ์ 2565 นั้น และตอนนี้กำลังจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการในเร็วๆนี้ 

นายเศรษฐศิษฎ์ ได้กล่าวต่อไปว่าการคัดเลือกคนที่จะมาเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษาในครั้งนี้ มีการตั้งคะแนนไว้ที่ 100 คะแนน โดยประเมินภาค ก ความรู้ความสามารถในการบริหารงานในหน้าที่ โดยการสอบข้อเขียนแบบปรนัย กาผิดกาถูก เพียงแค่ 10 คะแนน และภาค ข ความเหมาะสมกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ โดยประเมินตามตัวชี้วัด ซึ่งหลักๆดูจาก ประวัติ ประสบการณ์ วิสัยทัศน์ กำหนดคะแนน ไว้  60 คะแนน และภาค ค เป็นการสอบสัมภาษณ์ ให้น้ำหนักคะแนนมากพิเศษถึง 30 คะแนน 

ผู้ใหญ่ในอาชีวะและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรู้หรือไม่ ว่าประเด็นที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นเมืองตอนนี้ คือ ภาค ก และภาค ข และภาค ค นี้ สอศ. ไม่ได้มีเกณฑ์การประเมินในแต่ละภาคว่าจะต้องผ่านเกณฑ์กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามหลักการมาตรฐานทั่วไปแล้ว ไม่ว่าเป็นการสอบของ กพ. หรือของกระทรวงศึกษาธิการ หรือการสอบรองผู้อํานวยการสถานศึกษาในสังกัดอาชีวศึกษาเอง ซึ่งเป็นผู้บริหารสถานศึกษาเหมือนกับตำแหน่งผู้อำนวยการ ก็จะมีเกณฑ์ว่าจะต้อง ผ่านภาค ก ก่อน และจะต้องผ่านไม่น้อยกว่า 60% เพื่อให้ได้คนที่มีความรู้ความสามารถ ด้านทฤษฎีการบริหาร ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในการบริหารราชการ เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนมั่นใจว่าการบริหารงานนั้นเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล จึงจะมีสิทธิ์ขึ้นไปสอบภาค ข ต่อไป และคะแนนภาค ข ก็ต้องผ่านไม่น้อยกว่า 60% จึงจะมีสิทธิ์ไปสอบภาค ค หรือสัมภาษณ์ได้  แต่เหตุไฉนคราวนี้กระทรวงศึกษาธิการอ้างหลักธรรมาภิบาลมาตลอด แต่การสอบคัดเลือกผู้อำนวยการสถานศึกษาสังกัดอาชีวะคราวนี้กลับปฏิบัติดูขัดๆแปลกๆ ซะงั้นไป 

จากการประชุมเมื่อวานนี้มีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ไล่กันตั้งแต่เลขาธิการ รองเลขาธิการและผู้อำนวยการสำนัก มามอบนโยบายเพื่อให้การคัดเลือกผู้อำนวยการเป็นไปด้วยความโปร่งใสถูกต้องตามระเบียบกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล แต่ก็มีประโยคที่ย้อนแย้งกันอยู่ในตัวช่วงท้ายของการประชุมโดยมีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวะศึกษาท่านหนึ่ง ได้พูดทำนองว่าเรื่องของระบบอุปถัมภ์นั้น ถึงมีบ้างก็ไม่ผิดและได้ยกตัวอย่างหน่วยงาน อื่นๆมาประกอบ และอาชีวะก็จะใช้ระบบอุปถัมภ์ในระบบคุณธรรมด้วยซึ่งทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ มีข้อครหากันอย่างยิ่งว่าเหตุใดถึงมีการประกาศเช่นนี้

 ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ประกาศชัดเจนว่า การคัดเลือกครั้งนี้ต้องได้คนที่มีความรู้ประสบการณ์เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาและใช้หลักธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส และถ้ามีการแอบอ้าง หรือวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งก็ให้แจ้งจะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาเด็ดขาด ซึ่งทางสอศ.ก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ดุสิตไว้บ้างแล้วก่อนหน้านี้แต่เหตุไฉนมาวันนี้ถึงดูท่าทีเปลี่ยนไป แล้วจะให้ความเป็นธรรม ความมั่นใจ กับผู้สมัครสอบได้อย่างไร อาชีวะจะได้ผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์มีคุณธรรม มาบริหารสถานศึกษาจริงหรือไม่นี่คือคำตอบสุดท้าย ตนในฐานะภาคประชาชน อยากเรียกร้องไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ ได้โปรดพิจารณาสั่งการ ให้ความเป็นธรรมกับผู้เข้าสอบทุกคนและให้เกียรติกับระบบราชการ พี่น้องประชาชนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียคนที่เสียภาษีเจ้าของประเทศด้วย