Biz news

PPPGCจับมือเอสเอพีอัพไอทีสู่'คลาวด์' ยกระดับธุรกิจน้ำมันปาล์มสู่ความยั่งยืน



กรุงเทพฯ ประเทศไทย-เอสเอพี เอสอี (NYSE: SAP) เปิดเผยว่า บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ PPPGC ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มชั้นนำของประเทศไทย ได้เริ่มใช้งาน SAP S/4HANA เป็นแกนดิจิทัลหลัก (Digital Core) ขององค์กร และเลือกใช้ Microsoft Azure ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ในการรองรับเวิร์คโหลดของ เอสเอพี ซึ่งการนำเวิร์คโหลดที่มีความสำคัญต่อธุรกิจไปจัดเก็บไว้บนระบบคลาวด์ จะช่วยให้ PPPGC สามารถแปลงกระบวนการทางธุรกิจหลักในห่วงโซ่คุณค่าให้เป็นระบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและขยายธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

PPPGC ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง 3 ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทย ได้แก่ กลุ่มบริษัทท่าฉางอุตสาหกรรม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท อาร์.ดี. เกษตรพัฒนา จำกัด โดยที่ผ่านมาองค์กรได้มุ่งมั่นในการทำ Business Transformation ต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายในการเป็น “ปาล์มคอมเพล็กซ์” ชั้นนำของประเทศไทย ตลอดจนเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม ผลิตน้ำมันสำหรับประกอบอาหาร และไบโอดีเซล ที่ดำเนินธุรกิจแบบบูรณาการและยั่งยืน เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น และกระบวนการทางธุรกิจต่างๆ ทวีความซับซ้อนมากขึ้น PPPGC ตระหนักว่า บริษัทฯ ต้องเริ่มปรับเปลี่ยนโดยนำนวัตกรรมรวมถึงเทคโนโลยีนำสมัยต่างๆ มาใช้ เพื่อปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิด-19

นายชัยทัศน์ วันชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด กล่าวว่า เป้าหมายหลักในการดำเนินธุรกิจที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การเพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่ง ผ่านการเพิ่มผลิตภาพและผลกำไรของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ซึ่งในมุมมองของบริษัทฯ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารระบบปฏิบัติการขององค์กรถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้มีผลผลิตมากขึ้น รวมถึงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ก่อนหน้านี้ ระบบปฏิบัติการและการดำเนินงานส่วนใหญ่ในองค์กรจะทำงานแยกส่วน เป็นแบบแมนนวล และไม่เห็นภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ โจทย์ที่เราต้องแก้ คือการบูรณาการข้อมูลต่างๆ ขององค์กรที่กระจัดกระจายไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้ผู้บริหารสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และจะต้องปรับปรุงระบบปฏิบัติการให้ดำเนินงานภายใต้มาตรฐานเดียวกัน” นายชัยทัศน์ อธิบาย

จากการเริ่มต้นใช้งาน SAP S/4HANA ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ ERP อัจฉริยะของ เอสเอพี เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้ PPPGC สามารถผสานรวมข้อมูลองค์กรอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมสำหรับการตัดสินใจและการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ นายชัยทัศน์ ระบุว่าการดำเนินงานของบริษัทมีความคล่องตัวมากขึ้น และกระบวนการต่างๆ ได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น

"การลงทุนใช้ SAP S/4HANA นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ภายใต้กลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงสู่ธุรกิจดิจิทัล ด้วยแพลตฟอร์ม ERP ที่แข็งแกร่ง ทำให้ตอนนี้ PPPGC สามารถปรับปรุงมาตรฐานและขั้นตอนการปฏิบัติงานของเราให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ เรายังใช้เทคโนโลยีของ เอสเอพี มาวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะมีข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ ที่สำคัญ เทคโนโลยีของ เอสเอพี ทำให้กระบวนการทำงานในองค์กรดำเนินงานได้แบบอัตโนมัติ เพิ่มความโปร่งใสในห่วงโซ่คุณค่า ประเมินกระบวนการดำเนินงานได้ทันทีและทำให้เรามั่นใจได้ว่า ทั้งการผลิตและการจัดหาน้ำมันปาล์มนั้น มีความยั่งยืนและสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ" นายชัยทัศน์ กล่าวเสริม

ทั้งนี้ ฟูจิตสึ ได้รับการแต่งตั้งให้ทำงานร่วมกับ PPPGC สำหรับติดตั้งระบบ SAP S/4HANA นางสาวกนกกมล เลาหะบูรณะกิจ หัวหน้าฝ่ายขาย ของบริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ประสบการณ์ที่ยาวนานของ ฟูจิตสึ ในการติดตั้งระบบของ เอสเอพี ช่วยให้ PPPGC รันโซลูชั่น SAP S/4HANA บนคลาวด์ Microsoft Azure ได้อย่างราบรื่น โดย PPPGC จะสามารถใช้ระบบการวิเคราะห์ขั้นสูง แมชชีน เลิร์นนิ่ง และวิทยาการข้อมูล (Data Science) ต่าง ๆ ภายใต้ SAP S/4HANA เข้ามาเพิ่มความคล่องตัวในระบบการทำงานของห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าจะเป็น ระบบการจัดซื้อ การผลิต การเงิน ไปจนถึงการขาย แน่นอนว่าการลงทุนในแพลตฟอร์มไอที SAP S/4HANA จะทำให้ PPPGC เตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคตด้วยความสามารถในการพัฒนาโมเดลธุรกิจและส่งมอบบริการใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า”

นายเอทูล ทูลิ กรรมการผู้จัดการ เอสเอพี อินโดไชน่า กล่าวว่า “เอสเอพี มีวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกับ PPPGC ในการนำเสนอโซลูชั่นเพื่อสร้างอุตสาหกรรม โลก และสังคมที่ยั่งยืน แม้ PPPGC จะอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ มากมาย แต่ในการดำเนินการครั้งนี้ PPPGC สามารถย้ายปริมาณงานทั้งหมดไปยังระบบคลาวด์ได้ในเวลาเพียง 6 เดือน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ PPPGC ได้เลือกพาร์ทเนอร์กับ เอสเอพี เพื่อเริ่มต้นเส้นทางสู่การเป็นองค์กรอัจฉริยะหรือ Intelligent Enterprise”