Biz news

กสิกรไทยประเมินวิกฤติยูเครน-รัสเซีย จับตาคว่ำบาตรต่อรัสเซียกระทบส่งออกไทย 



กรุงเทพฯ-เคแบงก์ ชี้ผลกระทบวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนต่อประเทศไทยขึ้นกับความยืดเยื้อและรุนแรง  โดยภาพรวมขณะนี้ทำน้ำมันพุ่ง ต้นทุนธุรกิจและราคาสินค้าเตรียมขยับ ฝั่งลูกค้าของเคแบงก์ที่มีธุรกิจส่งออกไปรัสเซีย-ยูเครนยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ให้จับตามาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียของนานาประเทศที่อาจส่งผลต่อการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ  ระบุหากยื้อยาวเศรษฐกิจโลกจะเกิดภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูง และไทยจะได้รับกระทบหนักและยาวหลังจากเพิ่งฟื้นตัวจากโควิด-19 

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลกระทบกับภาคการส่งออกของประเทศไทยจากสถานการณ์กองทัพรัสเซียเข้าโจมตียูเครนขึ้นอยู่กับการขยายวงความรุนแรง และมาตรการตอบโต้โดยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ (Economic Sanctions) จากนานาประเทศ สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทยในขณะนี้คือราคาน้ำมัน ยิ่งสถานการณ์มีความตึงเครียด ยิ่งส่งผลต่อต้นทุนพลังงาน ต้นทุนธุรกิจ ราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นด้านที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากที่สุด ขณะที่ตลาดเงินตลาดทุนของไทยมีความผันผวนสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนอาจย้ายไปสู่สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง  

สำหรับลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ของธนาคารกสิกรไทยที่มีการค้าขายกับคู่ค้าในรัสเซียและยูเครน ส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องกับการเกษตร อุปกรณ์ก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ อย่างไรก็ตามมูลค่าการค้าขายกับคู่ค้าในรัสเซียและยูเครนมีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าการค้าต่างประเทศทั้งหมด โดยธนาคารได้ติดตามสถานการณ์ระหว่างยูเครนและรัสเซียอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้คำแนะนำกับลูกค้าให้ระมัดระวังเรื่องการทำธุรกรรมการค้าต่างประเทศกับทั้ง 2 ประเทศในช่วงนี้ เนื่องจากสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอน กรณีมีการนำเข้า-ส่งออก หรือธุรกรรมโอนเงินกับทั้ง 2 ประเทศ อาจมีความเสี่ยงได้รับเงินล่าช้า ทั้งกรณีคู่ค้าที่อยู่ในประเทศไทย รัสเซีย ยูเครน 

นายพัชร กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องติดตามคือ สถานการณ์ดังกล่าวจะยกระดับความรุนแรงมากยิ่งขึ้นหรือไม่ รวมถึงประเด็นสำคัญคือ มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ (Economic Sanctions) จากประเทศต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้กับรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจและตลาดเงินของรัสเซีย และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานในยุโรป รวมถึงสถาบันการเงินและภาคธุรกิจของยุโรปที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจในรัสเซีย ซึ่งอาจทำให้การค้าระหว่างไทย-รัสเซีย-ยูเครน มีอุปสรรคในการทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งการหาธนาคารรับรอง การเปิดบัญชีธุรกิจข้ามชาติ (แอล/ซี) การชำระเงิน การโอนเงินต่าง ๆ เป็นต้น และหากสถานการณ์พลิกผันไปสู่สงครามที่ขยายวงกว้าง เศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะหดตัว และเกิดภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงจากราคาพลังงานที่พุ่ง (Stagflation) แต่เชื่อว่า หลายฝ่ายมีความพยายามที่จะเจรจาให้มีข้อยุติโดยเร็ว โดยธนาคารกสิกรไทยจะเฝ้าระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจของลูกค้า และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป 

ทั้งนี้ ในปี 2564 ไทยส่งออกไปรัสเซียมีมูลค่าประมาณ 1,028 ล้านดอลลาร์ฯ เติบโตสูงถึง 42% โดยการส่งออกไปรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนราว 0.4% ของมูลค่าการส่งออกไทยไปตลาดโลก ขณะที่สินค้าส่งออกหลักของไทยไปตลาดรัสเซีย ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกล ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เม็ดพลาสติก เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้หลายรายการเป็นการส่งออกภายใต้สิทธิ GSP ที่ไทยได้รับจากกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช หรือ CIS (Commonwealth of Independent States มีสมาชิก 12 ประเทศ รวมรัสเซีย)  

ส่วนยูเครนนั้น ในปี 2564 ไทยส่งออกไปเป็นมูลค่าประมาณ 135 ล้านดอลลาร์ฯ เติบโตสูง 35.7% เช่นกัน แต่สัดส่วนยังน้อยอยู่มาก โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เม็ดพลาสติก เป็นต้น  

ที่มา: กระทรวงพาณิชย์ ข้อมูลเพิ่มเติม – การส่งออกของประเทศไทยไปยังรัสเซีย และยูเครน 

การส่งออกของไทย  

ปี 2564 

รัสเซีย  

ยูเครน  

มูลค่าการส่งออก 

(มูลค่า: ล้านดอลลาร์) 

1,028 

เติบโต 42% 

135 

เติบโต 35.7% 

10 อันดับ 

สินค้าส่งออกหลัก  

(มูลค่า: ล้านดอลลาร์) 

1)     รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ  

321 

1)      รถยนต์และชิ้นส่วน  

 

33 

2)     ผลิตภัณฑ์ยาง  

107 

2)      ผลิตภัณฑ์ยาง 

21.6 

3)     เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ  

54 

3)      เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 

17.3 

4)     ผลไม้กระป๋องและแปรรูป  

46 

4)      ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 

5)     เม็ดพลาสติก  

43 

5)      เม็ดพลาสติก 

8.4 

6)     เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 

43 

6)      เครื่องจักรและส่วนประกอบ 

5.6 

7)     อากาศยาน ยานอวกาศและส่วนประกอบ 

42 

7)      ผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ 

5.4 

8)     ยางพารา 

33 

8)      ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ 

4.4 

9)     แผงสวิทช์และแผงควบคุมไฟฟ้า 

24 

9)      ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง 

3.6 

10) อัญมณีและเครื่องประดับ 

22 

10)  เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 

3.2