In Thailand
พบปลาในคลองชะลองแวงตายต่อเนื่อง หน่วยงานรัฐแห่แจ้งความโรงงานต้นเหตุ
ปราจีนบุรี-พบปลาในคลองชะลองแวงยังตายต่อเนื่องหลังท่อน้ำเสียโรงงานแตกลงคลอง ขณะสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค7 (สระบุรี) และหลายหน่วยเอาจริงแจ้งความโรงงานเพิ่มจากเดิมที่ก่อนหน้าแจ้งผิดเพียง พ.ร.บ.ประมง ในพ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมปล่อยน้ำเสีย
เมื่อเวลา18.30 น.วันนี้ 9 มี.ค.65 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้ากรณีชาวบ้านบุยายใบหมู่ 4 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรีได้ร้องทุกข์ผ่านสื่อมวลชนว่า มีท่อระบายน้ำเสียสวนอุตสาหกรรม 304 รั่วไหลลงลำคลอง เมื่อวันที่ 5 มี.ค.65 เวลาประมาณ 14.00 น. จากการตรวจสอบทราบว่าบริเวณท่อระบายน้ำเสียอยู่ที่บริเวณสวนอุตสาหกรรม 304 บ้านบุยายใบหมู่ 4 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ สาเหตุเกิดจากท่อส่งน้ำมันยางดำของโรงไฟฟ้าเนชั่นแนลเพาเวอร์แพลนท์5 (nps) รั่วช่วงสะพานบุยายใบ ต.ท่าตูม เป็นเหตุให้น้ำมันไหลลงคลองชะลองแวง
ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำปราจีนบุรี สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 7 (สระบุรี) หน่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมที่ 7 (สระบุรี) กรมควบคุมมลพิษพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่กองจัดการคุณภาพน้ำ คพ./ทสจ.ปราจีนบุรี/สอจ.ปราจีนบุรี/ประมงจังหวัด กอ.รมน.จ./ บก.ปทส./สทนช.ภาค 2 /กกพ.เขต7 (สระบุรี)/พลังงาน จ. ปราจีนบุรี/อบต.ท่าตูม และ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต. ท่าตูม ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหากรณีน้ำมันยางดำรั่วไหลลงสู่คลองและปนเปื้อนอยู่คลองชะลองแวง ต. ท่าตูม อ. ศรีมหาโพธิ จ. ปราจีนบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีน้ำมันยางดำ (Black Liquor) หรือสารประกอบ ลินินซึ่งเป็นผลพลอยได้ (By Product) จาก ขบวนการล้างเยื่อกระดาษของบริษัทดับเบิ้ลเอ (1991) จำกัด(มหาชน)และใช้เป็นเชื้อเพลิงของโรง ไฟฟ้าบริษัทโรงไฟฟ้า เนชั่นแนล พาวเวอร์ แพลนท์ 5 จำกัด รั่วไหลลงคลองรั้งและคนเปื้อนสู่คลองชะลองแวง ต. ท่าตูมอ. ศรีมหาโพธิ จ. ปราจีนบุรี ผลการตรวจสอบพบว่า
โรงงานได้ซ่อมแซมท่อส่งน้ำมันยางดำโดยทำการปิดรอยรั่วแล้วซึ่งน้ำมันยางดำที่รั่วลงคลอง หลังมีจำนวนประมาณ 25 ลูกบาศก์เมตรและได้ทำการสูบน้ำปนเปื้อนน้ำมันยางดำจากคลองรั้ง และ คลองชะลองแวงไปยังบ่อน้ำดิบของสวนอุตสาหกรรม 304 (ความจุ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร) เพื่อนำไปผลิตน้ำที่ใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรม
โรงงานได้ทำคันกั้นน้ำจำนวน 5 จุดซึ่งน้ำปนเปื้อน ไหลมาถึงคันกั้นน้ำที่ 3 แล้วขณะตรวจสอบโรงงานได้ทำการติดตั้งปั๊มน้ำจำนวน 2 จุด คือบริเวณคันกั้นน้ำที่ 2 และ 4 และทำการติดตั้งปั๊มน้ำเพิ่มเติมในคันกั้นน้ำที่ 3 โดยจะทำการสูบน้ำไปยังบ่อน้ำดิบซึ่งโรงงานแจ้งว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในวันอังคารที่ 8 มีนาคม 2565 สำหรับคันกั้นน้ำที่ 5 คลองชะลองแวงก่อนลงแม่น้ำปราจีนบุรีมีสภาพน้ำปกติ
กองจัดการคุณภาพน้ำคพ.ร่วมกับ E P U 7 ทำการเก็บตัวอย่างน้ำกรณีดังกล่าวจำนวน 9 ตัวอย่างเพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนลงสู่แม่น้ำปราจีนบุรี การดำเนิน การแก้ไขปัญหาและข้อเสนอแนะ 1.สสภ.7 (สระบุรี) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดย บก.ปทส.จัดทำบันทึกการตรวจสอบ/กล่าวโทษและลงบันทึกประจำวัน ณ สภ.ศรีมหาโพธิ มีความผิด ตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2560 มาตรา 58 (3) (4) ประกอบมาตรา 140 ตามรายละเอียดที่ได้นำเสนอก่อนหน้านี้ นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้( 9 มี.ค. 65) ที่สะพานบ้านบุยายใบบนคลองชะลองแวง พบเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้มาตรวจสอบกำแพงที่ท่อระบายน้ำแตกลงคลอง พบสภาพน้ำในลำคลอง ยังคงมีสภาพสีน้ำตาลเข้ม ถึง ดำ ขุ่นคล้ายของเสียปนเปื้อนในน้ำส่งกลิ่นเหม็น และยังคงพบปลาตาย อาทิ ปลายสลิดขนาด 1ฝ่ามือ ,ปลาช่อนขนาดเท่าลำแขน และที่ ห้องประชุมอำเภอศรีมหาโพธิ ดร.สุนีรัตน์ รัตนะ ผอ. ส่วนส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม สนง.สิ่งแวดล้อมภาค 7( สระบุรี) นางสาวมาริษา ชัยโอสถ ผอ. ส่วนสิ่งแวดล้อมสนง.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ปราจีนบุรี ,นายอุทิศ ไพเราะ ประธานสภา อบต.ท่าตูม/ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ต.ท่าตูม ,ผญบ.หมู่ 3 ต.ท่าตูม ได้ร่วมประชุม ก่อนไปให้การกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.ศรีมหาโพธิ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบหลักฐานการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายซึ่งเจ้าของแหล่งกำหนดมลพิษต้องรับผิดชอบทางแพ่ง ตามมาตรา 96 และ 97 แห่ง พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม 2535
ดร.สุนีรัตน์ รัตนะ ผอ. ส่วนส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม สนง.สิ่งแวดล้อมภาค 7( สระบุรี) กล่าวว่า ได้เข้ารายงานให้นายนิยม ชัยวรรณ นอภ.ศรีมหาโพธิเกี่ยวกับความคืบหน้าการแก้ปัญหากรณีน้ำมันยางดำรั่วไหลลงสู่คลองและปนเปื้อนอยู่คลองชะลองแวง และประชุมประเด็นต่าง ๆ ก่อนไปพบพนักงานสอยสวน สภ.ศรีมหาโพธิ หลังจาก ทสจ.ปราจีนบุรีร่วมกับบก.ปทส. อบต.ท่าตูมและ ผญ.หมู่ที่ 3 ได้ลงพื้นที่สำรวจผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นข้อมูลประกอบหลักฐานการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายซึ่งเจ้าของแหล่งกำหนดมลพิษต้องรับผิดชอบทางแพ่ง ตามมาตรา 96 และ 97 แห่งพ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม 2535 ทั้งนี้ สสภ.7 (สระบุรี)ร่วมกับ ทสจ.ปราจีนบุรี จะนำข้อมูลเพิ่มเติมให้พนักงานสอบสวน เพื่อขอสงวนสิทธิ์เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายที่ทางราชการได้จ่ายไปด้วย
ให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ดำเนินการออกคำสั่งตามมาตรา 37 พ.ร.บ.โรงงาน 2535 โดยพนักงานเจ้าหน้าที่สั่งปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด 4.ในวันนี้ (8 มี.ค. 65) อบต.ท่าตูม ดำเนินการออกคำสั่งตามมาตรา 27 พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ระงับหรือป้องกันเหตุรำคาญภายในระยะเวลาที่กำหนด
ให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษตามมาตรา 119 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย 2535 ให้ อบต.ท่าตูมประชาสัมพันธ์ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่หมู่ 3 หมู่ 4 และบริเวณใกล้เคียงหลีกเลี่ยงการจับสัตว์น้ำไปบริโภค
ให้สอจ.และอบต.ท่าตูมเร่งรัดบริษัทฯดำเนินการสูบน้ำปนเปื้อนออกจากคลองรั้งและคลองชะลองแวงเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายใน วันนี้ (8 มี.ค. 65 ) ตามที่บริษัทเสนอข้างต้น ให้บริษัทจัดทำแผนฟื้นฟูคุณภาพน้ำในคลองดังกล่าวรวมทั้งจัดทำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามเงื่อนไขที่ปรากฏ ในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตเสนอต่อคณะทำงานติดตามตรวจสอบภายใน 1 สัปดาห์ 9
ด้านนายชัยวรรณ นิยม นอภ.ศรีมหาโพธิ กล่าวว่า “กรณีท่อนำเสียโรงงานแตก ลงคลองชะลองแวง ทางราชการได้ใช้ กฎหมาย ประมงก่อน สามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนกฎหมายทางด้านสิ่งแวดล้อมต้องเก็บรายละเอียดและมีการแจ้งความไว้เป็นเบื้องต้นแล้ว ตามความเสียหายที่ มีสัตว์น้ำ ปลา ตาย มีตัวอย่างน้ำตัวอย่างดิน เข้าห้องแลป โดยวิเคราะห์อีกทีเสียหายที่ปรากฏทางกายภาพ อาทิ คราบน้ำ คราบน้ำมัน ของนี้จะทำความสะอาดอย่างไร การแก้ไขสามารถ เสนอมาได้ ที่สร้างความมั่นใจให้กับชุมชนและร่วมกันในระบบไตรภาคีต่อไป”
ขณะฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงไฟฟ้าฯได้ชี้แจงว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.45 น.ของวันที่ 5 มีนาคม 65 เกิดเหตุท่อส่งน้ำมันยางดำของโรงไฟฟ้า เนชั่นแนล เพาเวอร์ แพลนท์ 5 จำกัด รั่วช่วงสะพานบุยายใบ เป็นเหตุให้ไหลลงคลอง
โดยบริษัทฯได้ทำการหยุดปั๊ม เพื่อซ่อมรอยรั่ว และตรวจสอบน้ำในคลองรั้ง ซึ่งปริมาณน้ำค่อนข้างน้อย จึงเร่งดำเนินการปิดกั้นทางน้ำ 4 จุด ในบริเวณคลองติดบริษัทไดเซล จุดเหนือสถานีสูบน้ำ และใต้สะพานคลองชลองแวง ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยยังไม่มีเหตุผลกระทบรุนแรงใดๆ บริษัทฯใคร่ขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะเร่งดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว รวมทั้งฟื้นฟูแหล่งน้ำต่อไป
มานิตย์ สนับบุญ/ปราจีนบุรี