In Thailand
ปราจีนฯติวเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวัง อพยพช้างป่ากลับคืนถิ่นแปดริ้วยั่งยืน
ปราจีนบุรี-ระวังภัย! อบรมเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนแปดริ้ว ที่ข้ามฝั่งมาพักหากินกลายเป็นสัตว์ป่าถาวรในเขตปราจีนฯ เตรียมอพยพ “ช้างสีดอโหนก” กลับคืนถิ่น กลับสู่ในเขตผืนป่าราบต่ำผืนสุดที่อยู่เดิม ก่อนหน้าสร้างความขัดแย้ง ให้พื้นที่ทั้งทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ทำลายพืชไร่ พืชสวน นาข้าว บุกปล้นบุ้งฉาง และรุนแรงสุดคือเหยียบแม่เฒ่า วัย 73ปี “ป้าแต่ง” ตายคาที่ ขณะกำลังเก็บหาดอกกระเจียว ใบแต้วป่า ที่ล่าสุดยังวนเวียนหากินในไร่อ้อย ที่พื้นที่ ต.เขาไม้แก้ว
วันนี้ 17 มี.ค.65 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ปราจีนบุรีรายงานว่า ที่หอประชุมโรงเรียนบ้านเขาไม้แก้ว หมู่ 4 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี นายศักดิ์ชัย จำประสิทธิ์กุล นายอำเภอกบินทร์บุรี เป็นประธานในพิธีโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายอาสาสมัครเฝ้าระวังและป้องกันภัยจากช้างป่า จังหวัดปราจีนบุรีรุ่นที่1 โดยมีนายพรชัย ช่วยรัตน์ รักษาการผู้อำนวยการส่วนทรัพยากรธรรมชาติสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ
สรุปความว่า ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดปราจีนบุรี ที่มีอาณาเขตจังหวัดด้านทิศใต้ รอยต่อติดต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทรา หรือแปดริ้ว ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน (ในผืนป่าราบต่ำผืนสุดท้ายในป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง)
จึงเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้จังหวัดปราจีนบุรี โดยเฉพาะในท้องที่ ต.วังท่าช้าง ต.เขาไม้แก้ว อำเภอกบินทร์บุรี และ ต.กรอกสมบูรณ์ ต.หนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ ได้รับผลกระทบจากการที่ช้างป่าออกมาหากินนอกพื้นที่ ป่าอนุรักษ์ฯ โดยจากสถิติที่ผ่านมาจังหวัดปราจีนบุรีมีความถี่สูงในการพบช้างป่าจำนวนมาก เข้ามาหากินในพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ชุมชน โดยเฉลี่ยครั้งละประมาณ 1-60-100 ตัว
ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อน จากความเสียหายแก่พืชผลทางการเกษตร สวัสดิภาพร่างกายและทรัพย์สิน บ้านเรือนของประชาชน ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนอาจทำให้ลุกลามกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า
และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ในอนาคต ประกอบกับปัจจุบัน อัตรากำลังของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติฯ และ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน (ในผืนป่าราบต่ำผืนสุดท้ายในป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง)
มีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าและผลักดันช้างป่า ตามอำนาจหน้าที่โดยตรงมีจำนวนจำกัด จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในการร่วมจิตอาสาร่วมเป็นอาสาสมัครเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่ง ในการปฏิบัติงานเฝ้าระวัง ป้องกันช้างป่าในพื้นที่ อย่างถูกวิธีและไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและช้างป่า โดยมีผู้นำท้องถิ่นท้องถิ่น(อปท) กำนัน – ผญบ และนักเรียนเข้าร่วมฝึกอบรม 100 คน
สำหรับความเคลื่อนไหวของช้างป่าสีดอโหนก (เรียกชื่อตามลักษณะส่วนศรีษะที่โหนกผิดปกติ) ยังคงอยู่ในป่าหนองไผ่หมู่ 4 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี ที่อยู่ติดกับบริเวณที่ทำร้ายเหยียบแม่เฒ่าอายุ 73ปี ขณะกำลังไปเก็บหาใบแต้ว ,ดอกกระเจียวป่าตายที่ป่าหนองกระดิกนิ้ว ) เสียชีวิต และ ล่าสุดปัจจุบันยังคง ออกมาหากินไร่อ้อยของชาวบ้านใกล้ริมถนนสายสระแก้วตัดใหม่ (สระแก้ว – พนมสารคาม) หรือ สาย359 ทุกวัน
นายอุดม ทามีชาวบ้านหมู่ที่4บ้านเขาไม้แก้วกล่าวว่า “ การที่จะนำช้างป่าสีดอโหนกกลับคืนผืนป่าราบต่ำผืนสุดท้ายในป่ารอยต่อ 5 จังหวัดที่ จ.ฉะชิงเทรา นั้น ตนเองและชาวบ้านยังคงหวาดกลัว-เกรงอันตราย จากช้างป่าสีดอนโหนกกันทุกคน อยากให้เจ้าหน้าที่ผลักดันช้างป่า ออกจากพื้นที่โดยเร็ว” นายอุดมกล่าว
ล่าสุดเวลา 21.00 น. แหล่งข่าว แจ้งว่า ล่าสุดนี้ พบมีช้างป่าโขลงใหญ่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน มากกว่า 50ตัว ออกมาอยู่เขตรอยต่อบ้านเขาจันทร์ จ.ฉะชิงเทรา กับ อ.กบินทร์บุรี ที่มีถนนสายสระแก้วตัดใหม่ หรือสาย 359 กั้นกลาง ซึ่งเป็นรอยต่อบ้านเขาไม้แก้ว หมู่ 4 อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี คาดว่าจะเข้ามาในพื้นที่เร็วๆนี้
และจากนั้นได้สอบถาม กับ นายสุนทร หรือ แหลม คมคาย แกนนำชาวบ้าน หมู่ชาวเขาไม้แก้ว กล่าวว่า ชาวบ้านเองยังเศร้าหลังเพื่อนบ้าน “ป้าแต่ง” แม่เฒ่าวัย 73 ปี ถูกช้างสีดอโหนกเหยียบตายขณะออกไปเก็บหาผักแต้ว – ผักกระเจียว อยากให้มีการแก้ไขช้างป่า จากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ในป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยในรอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.จันทบุรี,จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง) ที่ข้ามฝั่งเข้ามาหากินในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี อย่างยั่งยืน
วอน สังคมหันกลับมาสนใจเรื่องนี้ ปัญหาช้างป่า โดยเฉพาะช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ที่จะขยายวงกว้างไปเรื่อยๆ ช้างเดินวันนึง 40-50 กิโลเมตร วันนี้ ต.เขาไม้แก้วเองเคยได้ยินเรื่องช้าง เมื่อปีกลาย สมัยก่อนเป็นปัญหาเรื่องช้างที่ ต.วังท่าช้าง ที่ ทุ่งพระยา ท่ากระดาน ได้ยิน แว่วแว่ว แต่ปีนี้มาทำลายสิ่งที่เราสร้างสังคม ชุมชนสร้างขึ้นมาอีก เยอะแยะมากมาย”
และ คิดว่าเรา ชาวบ้าน พร้อมในการแก้ปัญหา มี 3 ระดับ ทำเอง หมายถึง ชาวบ้าน ร่วมกันทำเอง คือการจัดการเรียนรู้เรื่องช้าง การส่งข่าวหรือการป้องกัน หรือ มีการประกาศเตือนของชาวบ้านเอง แล้วก็ส่งข่าวว่าช้างอยู่ตรงไหน? ก็ป้องกันตัวเองจากการที่ช้างจะมาทำร้าย เราก็จะเตือนกัน ช้าง อยู่บริเวณไหน แล้วจะได้ไม่ไป ตรงนั้น
อีกอัน เสนอว่า เราจะไปช่วยปลูกพืชอาหารช้าง บริเวณที่อยู่ในป่า ช่วยกันซ่อมแซมคูกันช้างที่มันชำรุด ! ชำรุดเสียหายเรายินดีทีจะไปช่วยกัน รวมถึงการเสนอเรื่องการจัดตั้งกองทุนเพื่อแก้ปัญหาเรื่องช้างทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ช่วยค่าเบี้ยเลี้ยงอะไรต่างๆ ที่เราพยายามจะทำ คือเราเสนอให้มันแก้กฎหมายแก้กฏหมายให้กระบวนการเปลี่ยนแปลง คือเสียหายเท่าไหร่ จริงๆแล้ว ป้า แต่ง เพียงแต่ไปเก็บของแล้วถูกช้างเหยียบตาย ซึ่งช้าง แก้ปัญหาเรื่องช้างทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือจิตอาสา ที่มาช่วยกัน ก็อาจจะช่วยค่าเบี้ยเลี้ยงอะไรต่างๆ ที่เราพยายามจะทำ ที่เราเสนอให้มันมีการแก้กฎหมาย แก้กฎหมายให้กระบวนการเปลี่ยนเป็นคือเสียหายเท่าไหร่ก็เท่านั้นจริงๆ
ปัญหาช้าง ที่นี่ ต.เขาไม้แก้ว !! ประวัติไม่เคยมีมาก่อน นานมากตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่เคยมี ช้าง ได้ ยินข่าว ช้างน้อยมาก แต่วันนี้จริงๆแล้ว เราเองฐานะที่เป็นนัก นักอนุรักษ์ ก็ดีใจรู้สึกว่ามันมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ที่มีช้างป่าข้ามมาหากินบ้านเรา แต่ต้องแก้ไขอย่างยั่งยืน
ที่ผ่านมาปัญหาความขัดแย้งคนกับช้างป่า จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนจากแปดริ้ว หรือ จ.ฉะเชิงเทรา ที่ข้ามฝั่งไปหากินเกือบอยู่ประจำถิ่นถาวรไปแล้วในปัจจุบันที่ จ.ปราจีนบุรี ทั้งยกโขลง หรือแยกเดี่ยว สร้างความเสียหายแก่ ทรัพย์สินพืชไร่ นาข้าว สวนผลไม้ บ้านเรือน ยุ้งฉาง ตลอดล่าสุดคือ เหยียบชาวบ้าน เสียชีวิต! ….นายสุนทร หรือ แหลม คมคาย แกนนำชาวบ้าน หมู่ชาวเขาไม้แก้ว กล่าวในที่สุด
มานิตย์ สนับบุญ/ปราจีนบุรี