Authority & Harm

ตชด.137สนธิกำลังจับแรงงานพม่า43คน พร้อมผู้นำพา2คนพบติดโควิด1คน 



ราชบุรี-กองร้อย ตชด.137 สนธิกำลัง ตม.จวราชบุรี, สภ.สวนผึ้ง, หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ และฝ่ายปกครองอ.สวนผึ้ง รวบแรงงานต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมือง 43 คน พร้อมผู้นำพา 2 คน สารภาพลักเลาะข้ามแดนช่องทางธรรมชาติ จ่ายค่าหัวให้นายหน้าชาติเดียวกันคนละ 2 - 2.5 หมื่นบาท และต้องเสียค่าคนนำพา 3 - 5 พันบาท เพื่อเข้ามาทำงานฝั่งไทย  

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 6 มี.ค.65 พ.ต.ต.วัฒนพล ดาแก้ว ผบ.กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 137 พร้อม พ.ต.ท.อังคาร ยะสะนพ สวญ.ตม.จว.ราชบุรี, ร.ต.อ.บัณฑิต แจ่มจันทร์ รอง ผบ.กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 137, ร.ต.อ.สุรัตน์ ดีรื่น รอง ผบ.กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 137, พ.ต.ท.อังคาร ยะสะนพ สวญ.ตม.จว.ราชบุรี, ร.ต.ท.เสิน พระแท่น หน.ชุด ชปข (ชุดปฎิบัติการข่าว), ด.ต.มนัสชัย พวงแฉล้ม จ่ากองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 137, นายยุทธพล จรูญเรือง ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอสวนผึ้ง และจนท.หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ได้สนธิกำลังกว่า 30 นาย เข้าสกัดจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวพม่า จำนวน 34 คน แยกเป็นหญิง 16 คน และชาย 18 คน พร้อมคนนำพา 2 คน ทั้งได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะแคป ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน บร 1123 กาญจนบุรี และ รถยนต์กระบะแคป ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฒข 4090 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของกลางที่ใช้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าว 

โดยสามารถสกัดจับกุมได้ที่บริเวณ หน้าเทศบาลตำบลสวนผึ้ง ถนนราชบุรีผาปก หมู่ที่ 1 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จึงได้ควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวทั้งหมดพร้อมผู้นำพา มาสอบสวนขยายผลที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 137 พร้อมตรวจวัดตรวจวัดอุณหภูมิ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK เบื้องต้นพบแรงงานต่างด้าวติดเชื้อโควิด 1 ราย ทำให้แรงงานทั้งหมดกลายเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 

จากการสอบสวน นายอาทิตย์ หรือ โจ มูเซอ อายุ 26 ปี ผู้นำพาชาวไทย พร้อม นายชาติชาย หรือ บี มูเซอ อายุ 25 ปี ผู้นำพาชาวไทย ให้การว่า ทั้งคู่ได้รับจ้างขนแรงงานต่างด้าว หลังแรงงานทั้งหมดได้ลักลอบข้ามพรมแดนเข้าฝั่งไทยมาแล้ว โดยได้ข้ามชายแดนมาต่างช่องทางธรรมชาติ จากนั้นทั้งคู่จะขับรถตระเวนไปรับแรงงานตามจุดแนวชายแดนต่างๆที่ได้นัดหมายไว้ ก่อนจะพามาหลบในพื้นที่อ.สวนผึ้ง เพื่อรอผู้นำพาอีกทีมไปส่งต่อเป็นทอดๆ โดยทั้งคู่ได้ค่าจ้างขนแรงงานหัวละ 500 บาท ซึ่งทั้งคู่เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง และสามารถหลบหนีการจับกุมของจนท.ไปได้ ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง แต่มาถูกจนท.ตามจับกุมได้ในที่สุด

จากการสอบถามแรงงานด้าวที่สามารถพูดภาษาไทยได้ เปิดเผยว่า ได้รับการติดต่อจากนายหน้าซึ่งเป็นชาวพม่า ว่าสามารถนำพาพวกตนลักลอบเข้ามาทำงานในสถานที่ต่างๆในประเทศไทยได้ โดยจะต้องจ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าที่เป็นชาวพม่ามาด้วยกัน คนละ 20,000 - 25,000 บาท และต้องจ้างค่านำพาเป็นท่อนๆ 3,000 - 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่า จะไปทำงานพื้นที่ใดจังหวัดไหน โดยแรงงานทั้งหมดมาจากหลายพื้นที่ในประเทศพม่า บางส่วนที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาฝั่งไทย เพราะต้องการหนีภัยสงครามภายในประเทศ

 ร.ต.อ.สุรัตน์ ดีรื่น รอง ผบ.กองร้อย ตชด. 137 กล่าวว่า การสนธิกำลังจับกุมแรงงานต่างด้าวในครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า จะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศ โดยใช้รถยนต์กระบะจำนวน 2 คัน เป็นพาหนะในการขนย้ายแรงงาน จึงได้ประสานจนท.ตำรวจ ตรวจคนเข้าเมืองจ.ราชบุรี, จนท.ทหารจากหน่วยทัพพระยาเสือ, จนท.ตำรวจ สภ.สวนผึ้ง และจนท.ฝ่ายปกครอง อ.สวนผึ้ง เพื่อสนธิกำลังตามติดจัมกุมรถยนต์กระบะต้องสงสัยทั้ง 2 คันตามที่สายข่าวรายงาน

จนเวลาประมาณ 23.00 น. จนท.ได้พบรถยนต์กระบะต้องสงสัยตามที่สายรายงาน จึงพยายามติดตามจับกุม แต่รถบนต์กระบะทั้งสองคันได้ขับหลบหนีจนท. ทำให้จนท.ต้องขับรถไล่ล่า จนสามารถติดตามจับกุมได้ที่บริเวณหน้าเทศบาลตำบลสวนผึ้ง จากการตรวจค้นแรงงานทั้งหมด ไม่พบเอกสารระบุเป็นชาวไทย จึงได้ควบคุมตัวแรงงานทั้งหมด พร้อมผู้นำพามาสอบสวนที่กองร้อย ตชด.137 เพื่อคัดกรองตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนจะส่งตัวหมดดำเนินคดี และผลักดันส่งกลับประเทศต่อไป 

เบื้องต้นจนท.ได้ทำบันทึกประวัติแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไว้ ก่อนจะนำตัวทั้งหมดเข้าศูนย์กักกันโควิด-19 ภายในกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 137 เพื่อรอตรวจหาเชื้อโควิด-19อีกครั้ง เนื่องจากทั้งหมดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ก่อนจะนำตัวแรงงานต่างด้าวและผู้นำพาทั้งหมดไปดำเนินคดีตามกฏหมายที่ สภ.สวนผึ้ง ในฐานความผิด ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ส่วนผู้นำพาจะถูกดำเนินคดี ในข้อกล่าวหา ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย พร้อมจะขยายผลติดตามจับกุมทีมผู้นำพาที่เหลืออีกด้วย

สุจินต์ นฤภัย(เต้) จ.ราชบุรี