In Thailand

กมธ.แจงสอบที่ดินวัดแก้วฯตามร้องเรียน อดีตนายกโพสต์เฟสเช่าที่วัดได้ประโยชน์



กระบี่-รอง ปธ.กรรมาธิการ แจง สอบที่ดินวัดแก้วฯตามข้อร้องเรียน ไม่ใช่การเมือง ด้านอดีตนายก แจงผ่านเฟส เอกชน เช่า วัด ปชช.ได้ประโยชน์

นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.พรรคภูมิใจไทย จ.กระบี่ ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อหน้ารูปองค์หลวงปู่สิงห์ เรื่องกรณีการร้องเรียนให้สอบข้อเท็จจริงที่ดินของวัดแก้วโกรวาราม พระอารามหลวง ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ซึ่งตนขอชี้แจงว่า วันที่ตนลงมาสอบข้อเท็จจริง มาในฐานะคณะอนุกรรมาธิการกิจการสาธารณะและการถ่ายโอนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ได้มาในฐานะ ส.ส.ซึ่งมีภาคประชาชนได้มีการร้องเรียน ประกอบกับนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้มีการร้องเรียนให้มีการสอบถามข้อเท็จจริงว่าวัดแก้วโกรวารามนั้นวันนี้ที่ถูกเช่าไปและมีการตัดถนนซอยต่างๆนั้นถูกยกให้เป็นทางหลวงท้องถิ่นจริงหรือไม่

ซึ่งการสอบข้อเท็จจริง มีหลายหน่วยงานทั้งสำนักพุทธฯ เทศบาลเมืองกระบี่ และท้องถิ่นจังหวัด ซึ่งการมาในครั้งนี้นั้นมาในฐานะการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้มาในฐานะส.ส. ในพื้นที่ ซึ่งตนขอชี้แจงว่าการสอบข้อเท็จจริงวัดวัดแก้วฯไม่ได้เป็นประเด็นทางการเมืองเพราะการเมืองจบไปแล้ว แต่กกลับถูกมองว่าเป็นการเมือง และมีการนำประเด็นต่างๆไปชี้แจงในเฟสบุคส่วนตัว ซึ่งตนได้หยุดโต้ตอบไปหลายวันแล้ว เพราะตนมองว่าเอกชนที่ไปเช่าที่วัดแก้วไม่ใช่เป็นคู่กรณีของตน วัดแก้วฯและเทศบาลเมืองกระบี่ ไม่ใช่คู่กรณีของตน โดยประเด็นที่มีการสอบข้อเท็จจริง คือถนน 15 สาย ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นทางหลวงท้องถิ่น

ซึ่งขณะนี้ ทางคณะอนุกรรมาธิการฯไม่ได้เอกสารใดๆจากทางเทศบาล วัดแก้ว และจากเอกชนบริษัทผู้ที่เช่าเลยแม้แต่กระดาษแผ่นเดียว ซึ่งจากข้อมูลพบว่าการที่เทศบาลจะไปเอาที่ดินวัดมาทำเป็นทางหลวงท้องถิ่นนั้นอยู่ๆทำไม่ได้มันต้องมีกระบวนการทางกฎหมาย คณะอนุกรรมาธิการฯอยากเห็นกระบวนการทางกฎหมายที่เทศบาลในขณะนั้นไปเอาถนน 15 สายไปขึ้นเป็นทางหลวงท้องถิ่น ว่าขึ้นด้วยกฎหมายอะไรกติกาอะไร มติ ครม.ไหน ซึ่งเจ้าอาวาสวัดแก้วในขณะนี้ ก็ไม่ทราบว่าถนน 15 สายของวัดถูกขึ้นบัญชีเป็นทางหลวงท้องถิ่น   เพราะทางคณะที่ลงมาเพื่อสืบเสาะข้อเท็จจริงเท่านั้นไม่ได้ชี้ถูกชี้ผิดว่าอะไรทำได้ไม่ได้ และรวบรวมข้อมูลส่งให้หน่วยงานที่กำกับดูแลเท่านั้น

ขณะที่ นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ หลายสมัย เป็นตัวแทนบริษัศรีผ่องพาณิชย์ จำกัด ชี้แจงกรณีดังกล่าวผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ข้อความบางตอนว่า ถนน 15 สาย ในเขตที่วัดพุ่งเป้าเบี่ยงประเด็นไปโจมตีเอกชนที่ทำสัญญาเช่าที่ดินวัดเพื่อพัฒนาเมื่อปี 2520 หรือ 45 ปีที่แล้วว่าเช่าที่ดินวัดในราคาถูกและเอาเปรียบวัด เมื่อ 45 ปีก่อน คนอายุ 60 ปี ขึ้นไป คงนึกภาพพื้นที่ 47 ไร่ บริเวณศูนย์การค้ามหาราชในปัจจุบันออกแต่หากนึกไม่ออกมันคือที่ดินป่าพังกาหรือป่าโดงกาง ที่ลุ่มลึกมีน้ำท่วมขัง ซึ่งประเด็นที่ 1 สัญญาเช่าร่างโดยฝ่าย ผู้ให้เช่า(วัด) คนเช่าคนแรกอ่านสัญญาแล้วตัดสินใจไม่เช่า จนเอกชนรายดังกล่าวมาเช่าแล้วพัฒนาจนมาถึงปัจจุบัน

ประเด็นที่ 2 เอกชนสร้างอาคารพาณิชย์ในเขตวัด ให้ 600 คูหา สร้างถนน คูระบายน้ำ ทางเท้า ไฟฟ้า น้ำประปาด้วยค่าใช้จ่ายของเอกชนเองทั้งสิ้นเมื่อสร้างเสร็ทรัพย์สินทุกอย่างตกเป็นของวัดทันที วัดเก็บค่าเช่ารายเดือนเฉลี่ยคูหาละ 1,000 บาท จำนวน 600 คูหา เป็นเงิน 600,000 บาท ต่อเดือน และเมื่อสัญญาเช่าอาคารหมดผู้เช่าต้องไปขอต่อสัญญากับวัด วัดจะคิดค่าต่อสัญญาอีกคูหาละ 350,000 บาท จำนวน 600 คูหา เป็นเงิน 210,000,000 บาท โดยจะต่อคราว
ละ 20 ปี ที่กล่าวมาแล้ว วัดเป็นผู้เก็บเงินเองทั้งสิ้น

ประเด็นที่ 3 ไฟไหม้เอกสารสำคัญหมดแล้ว ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเอกสารหลักฐานอยู่ในตู้เซฟไม่ถูกไฟไหม้อย่างแน่นอน และยังมีหลักฐานคู่ฉบับอยู่บนสำนักงานที่ดินอีกด้วย ประเด็นที่ 4 สัญญาตลอดชีพหรือไม่สัญญาเช่าสิ้นสุดลงตั้งแต่ปี 2552ไม่ใช่สัญญาตลอดชีพ

ประเด็นที่ 5 ผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เอกชนทำสัญญากับวัดตั้งแต่ปี 2520 ก่อนที่โกเงา จะเป็นนายกปี 2528 ทุกอย่างตรวจสอบได้ หากมีอะไรผิดกรุณาดำเนินการตามกฎหมายมาได้ ประเด็นที่ 6 ปัจจุบันเอกชนสร้างอาคารพาณิชย์ให้วัด 600 คูหาวัดมีทรัพย์สินเฉพาะอาคารมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ประเด็นที่ 7 ใครได้ประโยชน์เอกชนได้กำไรจากการสร้างอาคารซึ่งเป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจมีกำไรมีขาดทุน

วัดได้เงินค่าเช่ารายเดือนละ 600,000 บาท ได้ค่าเซ้งต่อสัญญา210,000,000 บาท ได้นำเงินดังกล่าวไปบำรุงศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถเจดีย์ โรงเรียนสอนพระธรรมและสอนหนังสือสามเณรประชาชนได้ใช้ทางสัญจร จับจ่ายใช้สอยโดยสะดวก พ่อค้าแม่ค้าเจ้าของอาคารเช่าค้าขายตลอด 40 ปี มูลค่าไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นล้านบาทเกิดธุรกิจ เกิดการจ้างงาน เงินหมุนเข้ากระเป๋าทุกท่าน

กระบี่-ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน