Travel Sport & Soft Power
กทม.เปิดบริการศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ครบรอบ8 ปี'ก้าวหน้าก้าวไกลใส่ใจบริการ'
กรุงเทพฯ-กทม.เปิดบริการศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร และงานสถาปนาโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ครบรอบ 8 ปี ภายใต้ชื่องาน "ก้าวหน้า ก้าวไกล ใส่ใจบริการ"
(3 ธ.ค.63) เวลา 09.00 น. : พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดงานสถาปนาโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ครบรอบ 8 ปี ภายใต้ชื่องาน "ก้าวหน้า ก้าวไกล ใส่ใจบริการ" โดยมี พญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนักการแพทย์ คณะผู้บริหารโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ผู้มีอุปการคุณที่ให้การสนับสนุนโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชน ร่วมพิธี ณ ห้องประชุมชั้น 3 อาคารโรงพยาบาลและศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน
โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เป็นโรงพยาบาลที่มุ่งเน้นภารกิจเพื่อผู้สูงอายุและให้บริการแก่ผู้สูงอายุอย่างครบวงจร ปัจจุบันได้ขยายศักยภาพการให้บริการ เพื่อตอบสนองประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปิดให้บริการผู้ป่วยใน สามารถรองรับการให้บริการรองรับผู้ป่วยแบบพักค้าง เปิดบริการอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง เปิดบริการศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุแห่งแรกในกรุงเทพมหานครและยังคงปรับปรุงพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ตามวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลว่า "เป็นเลิศด้านผู้สูงวัย เทคโนโลยีล้ำสมัย สร้างสรรค์สิ่งใหม่ด้วยหัวใจบริการ สำหรับการจัดงานในวันนี้ประกอบด้วยพิธีทำบุญและทอดผ้าป่ามหากุศล เพื่อสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียนในการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์และปรับปรุงสภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน การจัดนิทรรศการนำเสนอประวัติโรงพยาบาลและผลการดำเนินงานที่ผ่านมา พิธีมอบของที่ระลึกแก่ผู้มีอุปการคุณและบุคลากรดีเด่นประจำปี พ.ศ.2563 ตลอดจนมอบทุนการศึกษาแก่บุตรของบุคลากรโรงพยาบาล พิธียกฉัตร 9 ชั้น เพื่ออัญเชิญพระพุทธพรรณีศรีธรรมไภสัช (พระพุทธเจ้าผู้ทรงรุ่งเรื่องในการช่วยเหลือประชากรด้วยธรรมโอสถ) เพื่อประดิษฐานประจำอาคารศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุและโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน ซึ่งพระพุทธรูปดังกล่าว สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นผู้ถวายนาม เพื่อให้เป็นที่สักการะและเป็นสิริมงคลแก่พุทธศาสนิกชนและผู้สูงอายุ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.54
พร้อมกันนี้ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ (Geriatric medical center) ซึ่งเป็นศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร มุ่งเน้นให้เป็นศูนย์บริการครบวงจรในกลุ่มผู้สูงอายุ มีเป้าหมายในการให้บริการผู้ป่วยที่มีภาวะทางผู้สูงอายุ (Geriatric syndrome) เช่น ภาวะสมองเสื่อม ภาวะซึมเศร้า ภาวะหกล้มบ่อย ภาวะเปราะบาง ภาวะทุพโภชนาการ ใช้ยาหลายขนานที่มีอันตรกิริยา (Drug interaction) อ่อนเพลียไม่มีแรง มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สับสนเฉียบพลัน เป็นต้น ซึ่งมุ่งเน้นให้เป็นศูนย์บริการครบวงจรครอบคลุมผู้สุงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป โดยทีมสหสาขาวิชาชีพให้บริการแบบผู้ป่วยนอกทุกวันในเวลาราชการ ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. บริเวณชั้น 1 อาคารโรงพยาบาลและศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียน โทร. 02-452-7999 ต่อ 11002 ,11003
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียนได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานครที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 นับว่าโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียนได้ก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างแท้จริง มีการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง มีการขยายศักยภาพสามารถให้บริการรองรับผู้ป่วยแบบพักค้าง และสิ่งสำคัญที่สุดคือจะมีศูนย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุแห่งแรกของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนในอนาคตยังเป็นสถาบันฝึกอบรมทางด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุและการพัฒนาผู้ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการดูแลให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามหลักเวชศาสตร์ผู้สูงอายุต่อไป ขอขอบคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคเงินและสนับสนุนกิจกรรมของโรงพยาบาลด้วยดีตลอดมา และขอขอบคุณ คณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน ที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ อย่างเต็มความสามารถ ทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับข้าราชการและลูกจ้างที่ได้รับคัดเลือกเป็นบุคลากรดีเด่นในปีนี้ ล้วนปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความมุ่งมั่นอุตสาหะจนได้รับการยกย่องเป็นแบบอย่างที่ดี ขอแสดงความยินดีและขอให้รักษาความดีนี้ตลอดไป เพื่อเป็นพลังในการพัฒนาโรงพยาบาลผู้สูงอายุบางขุนเทียนให้ก้าวหน้า ดูแลทุกข์สุขของประชาชน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับสังคมและประเทศชาติสืบไป