Authority & Harm
ฝ่ายปค.ชุมพรสนธิตร.สกัดจับแรงงานเถื่อน รวบ26คนชาวพม่าและคนไทย1คน
ชุมพร-ฝ่ายปกครองสนธิตำรวจ สกัดจับแรงงานเถื่อน ได้ 26 คน พร้อมผู้ต้องสงสัยคนไทย 1 คน ด้านชาวเมียนมา เผยสถานการณ์ในประเทศไม่สงบ ต้องอดๆอยากๆทำให้การลอบเข้ามาและ มีนักศึกษาส่วนหนึ่งหนีเข้ามาหางานทำในไทยเพื่อส่งเงินไปดูแลครอบครัว
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 22 เม.ย. 65 นายลิขิต สุขเยาว์ ป้องกันจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย ร.ต.อ.สมควร พิมพ์ทอง รอง สว.สืบสวน สภ.ท่าแซะ ร.ต.อ.ภินันท์ สมเขาใหญ่รอง สวป.สภ.ท่าแซะ,ร.อ.ชาญณรงค์ ทองแก้ว เจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าว กอ.รมน.ช.พ. ร.อ.กอบศักดิ์ นาคหาญ หัวหน้า ชรต. 4103 และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชุมพรที่ 1 ได้ควบคุมตัวแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา จำนวน 26 คน เป็นชาย 9 คน และหญิง 17 คน พร้อมคนไทยอีก 1 คน มายังกองร้อย ตชด.414 (ยายไท) เพื่อทำการกักกันตัวและคัดกรองตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 จำนวน 10 วัน
สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 21 เม.ย. 65 นายลิขิต สุขเยาว์ ป้องกันจังหวัดชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าจะมีขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ โดยใช้ถนนสายหมู่บ้าน เชื่อม ต่อ ระหว่าง ม.6 ต.จปร. อ.กระบุรี จ.ระนอง กับ ม.17 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่จึงวางแผนก่อนสนธิกำลัง จัดชุดซุ่มสกัดจับในเส้นทางที่คาดว่าจะใช้ในการหลบหนีด่านความมั่นคงเฉพาะกิจ
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 22 เม.ย. 65 เจ้าหน้าที่ชุดที่ซุ่มสกัดจับ ได้สังเกตพบว่ามีดวงไฟส่องสว่างที่คนกรีดยางใช้ เดินลัดเลอะมาตามแนวเชิงเขากลางสวนยาง โดยมีคนจำนวนมากกว่า10 คนเดินเรียงแถวยาวเรียงหนึ่ง จึงรอจังหวะให้กลุ่มคนดังกล่าวเดินเข้ามาอยู่ในระยะที่พร้อมจะเข้าตรวจสอบจับกุม
หลังจากที่กลุ่มคนเหล่านั้นเดินมาถึงในจุดเฝ้าสกัดจับ เจ้าหน้าได้ออกมาจากที่ซุ่มและแสดงตนเข้าให้คนกลุ่มนั้นตกใจกระโดดหลบซ้อนอยู่กระจายอยู่ในพงป่าหญ้า เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้เป็นชาวเมียนมาได้จำนวน 26 คน นอกจากนี้ยังมีสามารถจับผู้ต้องสงสัยเป็นคนไทย ทราบชื่อภายหลังคือนายสมโชค รัศมี อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 495 หมู่ 17 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
จากการสอบถามนายปิงทัย อายุ 39 ปี ชาวเมียนมา ซึ่งสามารถสื่อสารภาษาไทยได้และเคยเข้ามาทำงานที่ประเทศไทยแล้วก่อนหน้านี้ ได้เล่าให้ฟังว่า ตนเองและชาวเมียนมาที่หลบหนีมานั้นได้รวมตัวกันที่ฝั่งพม่าก่อนเป็นเวลา 2 วัน ก่อนที่จะนั่งเรือข้ามมาฝั่งไทย โดยขั้นตอนในการเดินทางการติดต่อประสานงานเรื่องการเดินทาง จุดรับส่ง รถที่จะมารับ คนที่จะพาเดินหลบด่าน รวมไปถึงค่าหัวของแต่ละคนนั้นจะมีคนไทยที่เป็นนายหน้า ติดต่อไปยังชาวเมียนมาที่เป็นนายหน้า เป็นผู้จัดการทั้งหมด โดยค่าใช้จ่ายของแต่ละคนนั้น จะต้องไปทำงานใช้หนี้
การเดินทางมาจากพม่าใช้เรือ 2 ลำในการขนคนจำนวน 26 คน หลังจากนั้นเรือก็มาส่งยังจุดที่มีรถมารอรับ โดยนายปิงทัย เล่าจุดที่เรือมาส่งนั้นไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นบริเวณไหนเพราะเป็นช่วงเวลากลางคือไม่สามารถมองเห็น โดยเมื่อเรือมาส่ง มีรถกระบะ 2 คัน เป็นรถกระบะ 4 ประตูสีดำ 1 คัน และรถกระบะยกสูง 1 คัน หลังจากที่ขึ้นรถมาใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงจุดที่ต้องเดินเท้า โดยเมื่อลงจากรถก็มีคนไทยจำนวน 3 คนมายืนรอรับ ในการเดินนั้นจะมีคนไทยเดินนำหน้า 1 คนมีไฟส่องสว่างคาดที่หัว และมีคนไทยอยู่ตรงกลาง 1 คน และปิดท้ายอีก 1 คน ลักษณะการเดินนั้นจะใช้วิธีการเดินเรียงหนึ่ง เดินตามกันเป็นแถวยาว มีเชือก 1 เส้นให้เดินจับ เพื่อป้องกันการพลัดหลงระหว่างทาง เพราะเป็นช่วงเวลากลางคืนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย รวมไปถึงไฟส่องสว่างก็มีเพียงคนนำทาง 3 คนเท่านั้น ตนเองใช้เวลาเดินทางประมาณ ชั่วโมงก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่ที่ตั้งจุดสกัดจับระยะทางในการเดินจากจุดที่รถมาส่งจนเจอกับชุดเจ้าหน้าที่ประมาณ 1 กิโลเมตร
โดยในการเดินทางข้ามมายังประเทศไทยครั้งนี้เพื่อเดินทางไปทำงานที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อทำงานก่อสร้าง และทำงานโรงงาน นายปิงทัย กล่าว่า ตนเองเคยมาทำงานที่ประเทศไทย ที่ อ.หาดใหญ่ มาแล้วก่อนหน้านี้ ประมาณ 3-4 ปี แต่ก็ได้กลับไปบวช นายปิงทัยเล่าว่าสาเหตุที่ได้อยากกลับมาทำงานที่ประเทศไทยเพราะประเทศเมียนมาเกิดสงคราม รวมไปถึงมีโรคโควิดระบาด การที่ตนเองมาทำงานที่ประเทศไทยเพียงคนเดียวนั้น สามารถที่จะเลี้ยงดูได้ทั้งครอบครัว และในการลับลอบมาให้ครั้งนี้ ได้มีนักเรียนและนักศึกษา จำนวน 14 คน ได้ร่วมเดินทางมาด้วย เพราะทุกคนต้องหาทางหางานหาเงินช่วยเหลือครอบครัว เพราะ 2 ปีมานี้สถานศึกษาในประเทศต้องปิดการเรียนการสอนจากสาเหตุภัยสงครามกลางเมืองกับสถานการณืการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19
ในขณะที่นายสมโชค รัศมี อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 495 หมู่ 17 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ให้การโดยอ้างว่า ตนไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆกับขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อนในครั้งนี้ ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมแรงงานชาวเมียนมา นั้น บังเอิญที่ตนเองกำลังเดินเท้ากลับจากไปกรีดยางพอดี และตนเองได้ยินเสียงปืนดัง ด้วยความตกใจจึงได้กระโดดหลบหมอบลงกับพื้นดิน จนมารู้อีกที่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาใกล้และเปิดไฟแสงสว่าง ตนเองก็ลุกขึ้นมา และก็เห็นว่ามีแรงงานชาวเมียนมา หลายคนก็หมอบอยู่ห่างตนเองไม่กี่เมตร
ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ควบคุมตัวไว้ก่อน รอผ่านการคัดกรองกักตัว 10 วัน จึงจะได้นำตัวนายสมโชค ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ ทำการสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป