In Thailand
สุราษฎร์ธานีพัฒนาศักยภาพSME/OTOP กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยกระตุ้นศก.
สุราษฏร์ธานี-จังหวัดสุราษฎร์ธานีพัฒนาศักยภาพเครื่อข่าย SME และ OTOP กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย หวังเพิ่มโอกาสทางการตลาด กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และส่งเสริมการท่องเที่ยว
วันนี้(26 เม.ย. 65) นายศักดาพร รัตนสุภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย กิจกรรมเสริมสร้างศักยภาพเครื่อข่าย SME และ OTOP กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับภาคีเครรือข่ายจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 26 - 27 เมษายน 2565 ณ โรงแรมนิภาการ์เด้น อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งของเครือข่ายและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า OTOP ศรีวิชัยและเชื่อมโยงเครื่อข่าย OTOP ทั่วประเทศ รวมทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า OTOP ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย เครื่อข่าย OTOP ศรีวิชัย จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานึ สงขลา พัทลุง และชุมพร จังหวัดละ 10 ราย และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัด จำนวน 4 ราย รวมทั้งสิ้น 54 ราย มีเนื้อหาที่สำคัญ ได้แก่ แนวโน้มตลาดยุคดิจิตอล , Business Matching ให้ตรงเป้าหมายธุรกิจ , ประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การขับเคลื่อนเครือข่าย OTOP ศรีวิชัย และประชุมจัดทำแผนและบูรณาการแผนเครือข่าย OTOP ศรีวิชัย เป็นต้น
ด้าน นายกรองศักดิ์ โอยสวัสดิ์ พัฒนาการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายในการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง โดยสนับสนุนให้ชุมชนเข้าถึงองค์ความรู้สมัยใหม่ แหล่งเงินทุน และพัฒนาขีดความสามารถในการบริหารจัดการ และการตลาด เพื่อเชื่อมโยงสินค้าของชุมชนสู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้แก่ประชาชนในชุมชน เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ในประเทศ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ 0TOP ได้เรียนรู้ด้านการบริหารจัดการตลาดกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย
สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับจากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ จะทำให้เครื่อข่าย OTOP ศรีวิชัย มีการวางแผนขับเคลื่อนงานปี 2565 รวมทั้งมีการ Matching จับคู่ธุรกิจเครือข่าย ส่งผลให้เกิดรายได้จากการจำหน่าย 0TOP เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 รวมถึงเพิ่มโอกาสทางการตลาด เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย.