In Thailand

ไร้ที่พึ่ง!ชาวบ้านลำมหาชัยครวญถึงบิ๊กตู่ พบผู้นำส่อทุจริตร้องหลายหน่วยไม่คืบ



ฉะเชิงเทรา-ไร้ที่พึ่ง ชาวบ้านลำมหาชัย พบผู้นำชุมชนมีพฤติกรรมส่อในทางทุจริต เดินเรื่องร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงานแล้วยังไม่มีความคืบหน้า ขณะทางอำเภอตั้งกรรมการสอบ แต่ผลการพิจารณากลับมีทิศทางเอนไปในทำนองช่วยเหลือกัน ก่อนชาวบ้านรวมกลุ่มบุกยื่นหนังสือร้องศูนย์ดำธรรมจังหวัดซ้ำ พร้อมวอนร้องขอให้สื่อช่วยส่งผ่านเสียงจาก ปปช.ให้ดังระงมไปไกลจนถึงยังหูนายกรัฐมนตรี “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” พร้อมรองพี่ใหญ่อีกแรง

วันที่ 26 เม.ย.65 เวลา 14.30 น. ชาวบ้านลำมหาชัย ม.7 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จำนวนกว่า 30-40 คน ได้ออกมารวมตัวกันเพื่อชี้จุดที่เชื่อว่าผู้นำชุมชนในพื้นที่ได้กระทำการส่อไปในทางทุจริตในหลายโครงการที่ได้รับการสนับสนุนเงินงบประมาณแผ่นดิน ให้นำมาทำประโยชน์เพื่อคนในชุมชน แต่กลับถูกนำไปใช้หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเอง ท่ามกลางความเดือดร้อนของชาวบ้านทั้งหมู่บ้านที่ยังรอคอยความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน

โดย นายจำลอง อยู่รักษา อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.7 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เมื่อปี 2564 ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้อนุมัติเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนจำนวน 346,700 บาท มาทำโครงการขุดลอกหนองเอี้ยงล่าง ภายในหมู่บ้านหนองนกเอี้ยง พื้นที่ ม.7 ต.เขาหินซ้อน ซึ่งเดิมเป็นบ่อเก็บน้ำในโครงการประปาหมู่บ้าน

แต่ปรากฏว่าหลังดำเนินโครงการผู้นำชุมชน คือ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ได้นำดินที่ขุดลอกบ่อเก็บน้ำเดิมให้มีขนาดใหญ่ขึ้นบนแปลงที่ดินสาธารณะประมาณ 10 ไร่ไปถมในแปลงที่ดินของตนเอง ที่ได้เคยขุดหน้าดินซึ่งเป็นทรายออกไปขายจนหมดแล้ว จึงทำให้บ่อเก็บน้ำของโครงการประปาหมู่บ้านเดิมนั้นมีคันดินสูงล้อมรอบเท่ากันกับขอบถนนในหมู่บ้าน ได้แหว่งหายไปจนมีระดับต่ำกว่าขอบถนนถึงเกือบ 10 เมตร 1 ด้าน

ต่อมาเมื่อช่วงฤดูฝนได้มีน้ำท่วมขังพื้นที่โดยรอบ และไหลบ่าลงมาในบ่อเก็บน้ำเพื่อผลิตประปาของหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำเสียจากโรงงานโดยรอบ โดยเฉพาะโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ จึงทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคได้ ตนเองพร้อมด้วยชาวบ้านจึงได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนผ่านทางที่ว่าการ อ.พนมสารคาม จนมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามหนังสือคำสั่งที่ 652/2564 ขึ้น

แต่ปรากฏว่าหลังผลการสอบสวนออกมาเมื่อวันที่ 19 เม.ย.65 และส่งมาถึงยังตนในวันที่ 22 เม.ย.65 ที่ผ่านมาจากคณะกรรมการสอบ 3 คน ประกอบด้วยปลัดอำเภอ 2 คน ส่วนอีกคนนั้นตนไม่ทราบ กลับระบุว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอคณะกรรมการจึงยกประโยชน์ให้แก่ผู้ถูกร้องว่าไม่มีความผิด ทั้งที่ชาวบ้านมีทั้งภาพถ่ายขณะกำลังทำการขนย้ายดิน และแปลงที่ดินที่ถูกนำไปถม แต่คณะกรรมการกลับเลือกเอาเฉพาะภาพที่จะสามารถเอื้อประโยชน์ต่อกันได้ไปประกอบ แต่ไม่นำภาพที่เห็นการกระทำผิดโดยชัดแจ้งไปประกอบ

ที่ผ่านมาตนยังได้เคยโทรศัพท์เข้าไปหายัง นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทราบ โดยนายไมตรี ยังได้บอกว่าเป็นการดีแล้วที่จะได้ช่วยกันเห็นหูเป็นตาในการตรวจสอบจะได้ไม่มีการทุจริตในหมู่บ้านเกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ จากทางจังหวัด จึงทำให้เมื่อวานนี้ พวกตนจึงได้เดินทางเข้าไปร้องเรียนยังที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอีกตครั้ง และยังได้เข้าไปร้องเรียนยังที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารจังหวัด (ประชาสัมพันธ์จังหวัด) เพื่อให้ถึงสื่อมวลชนอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากโครงการที่ส่อไปในทางทุจริตของผู้ใหญ่บ้านตามโครงการนี้แล้ว ยังมีอีกหลายโครงการที่มีลักษณะไปในทำนองเดียวกัน ทั้งโครงการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อหาแหล่งน้ำใช้ภายในหมู่บ้าน ที่มีการเจาะในบริเวณหน้าบ้านพักของผู้ใหญ่บ้านเอง และผู้ใหญ่บ้านยังได้นำท่อพีวีซีไปต่อน้ำจากบ่อบาดาลเพื่อส่งน้ำเข้าไปสู่บ้านของตนเองแต่เพียงผู้เดียวโดยที่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านไม่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมด้วย

ที่ผ่านมายังมีโครงการฝึกอบรมชาวบ้านให้มีการผลิตเตาโบราณใช้เอง โดยหน่วยงานศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ได้แจกจ่ายวัสดุมายังหมู่บ้าน หลังการฝึกอบรมเป็นเวลา 2 วัน แต่ผู้ใหญ่บ้านได้นำปูนซิเมนต์ที่ได้รับการแจกจ่ายมาให้ชาวบ้านทำตามโครงการ จำนวนกว่า 20 กระสอบ พร้อมด้วยทรายและโครงสร้างเตา ไปผสมเทพื้นในบริเวณบ้านของตนเองอีกเช่นเดียวกัน

ขณะที่ล่าสุดทางรอง ผอ.โรงวัดลำมหาชัย (รัฐอนุสรณ์) ได้ทำหนังสือไปขอพื้นถนนสาย 304 เดิมที่มีการขุดลอกออกเพื่อทำการขยายเส้นทางใหม่จำนวน 22 คันรถ เพื่อที่จะนำหินพื้นถนนเก่ามาถมบริเวณใต้ถุนอาคารเรียน ที่มีการดีดยกระดับพื้นให้สูงขึ้นจากเดิม โดยที่ทางโครงการขยายเส้นทาง 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี ได้อนุมัติให้หินมาจำนวน 22 คันรถ แต่ปรากฎว่า มีหินมาถึงยังโรงเรียนจริงเพียงแค่ 2 เที่ยวคันรถเท่านั้น 

ส่วนที่เหลืออีก 20 คันรถได้หายไปโดยทราบว่ามีการนำไปถมบริเวณหน้าบ้านของผู้นำชุมชนรายนี้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งไม่ทราบว่าถูกนำไปถมยังที่ใด ตนพร้อมชาวบ้านจึงอยากที่จะร้องเรียนไปให้ถึงยัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนทั้งประเทศ และได้ตั้งใจที่จะเข้ามาปราบปรามการทุจริต ให้ส่งหน่วยงานจากส่วนกลางลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ด้วย เพราะชาวบ้านไม่สามารถที่จะพึ่งพาหน่วยงานในพื้นที่ได้แล้ว นายจำลอง กล่าว

    

ด้านนางเชื่อม เทศดี อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 ม.7 ต.เขาหินซ้อน กล่าวว่า น้ำประปาหมู่บ้านที่นำน้ำจากบ่อเก็บน้ำแห่งนี้มาใช้ผลิตนั้น ไม่สะอาดและมีกลิ่นเหม็นด้วยจนไม่สามารถที่จะใช้อุปโภคบริโภคได้ เนื่องจากเวลานำไปอาบแล้วได้ทำให้เกิดอาการผื่นคันตามผิวหนัง จึงใช้ได้เพียงแค่ล้างจานชามเท่านั้น ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกันอย่างมากเพราะต้องซื้อน้ำมาอาบและกิน ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และยังมีโรคโควิด 19 ระบาดในพื้นที่อยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย นางเชื่อม กล่าว

ขณะที่ น.ส.สายฝน เสาวรส อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90 ม.7 ต.เขาหินซ้อน กล่าวว่า ชาวบ้านหนองนกเอี้ยงเดือดร้อนจากการขาดน้ำกินน้ำใช้กันอย่างหนัก เมื่อแจ้งในความเดือดร้อนไป ได้มีหน่วยงานราชการนำน้ำมาแจกจ่ายให้ แต่ไม่เพียงพอจนต้องซื้อทั้งน้ำกินและน้ำอาบกันทั้งหมู่บ้าน เดือดร้อนกันอย่างมากจากการที่ประปาหมู่บ้านซึ่งมีน้ำดิบที่ไม่สะอาด เมื่อนำมาอาบจะเกิดอาการคันอย่างรุนแรง น.ส.สายฝน กล่าว

สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา