In Thailand
ชาวบ้านเหลือทนรวมตัวร้องศดธ.ชุมพร จัดการพวกรุกที่หลวงชายเลสั่งรื้อ15วัน
ชุมพร-ชาวบ้านเหลือทน รวมตัวร้องศูนย์ดำรงธรรมจัดการพวกรุกที่สาธารณะริมชายทะเล ใกล้พื้นที่โครงการส่วนพระองค์ ล่าสุด จนท.สั่งรื้อถอนภายใน 15 วัน หลังลงตรวจสอบ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 พฤษภาคม 65 นายกิตติพงศ์ โสมณะ ปลัดอำเภอปะทิว ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอปะทิวให้ลงพื้นที่ หมู่ 3 บ้านถ้ำธง ต.ปากคลอง เพื่อตรวจสอบพื้นที่สาธารณะประโยชน์ เนื่องจากมีชาวบ้านในพื้นที่ได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรม เรื่องมีชาวบ้านทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่บุกรุกพื้นสาธารณะประโยชน์ โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้มีหัวหน้าสำนักงานที่ดินสาขาปะทิว หัวหน้าฝ่ายรังวัดสำนักงานที่ดินสาขาปะทิว กำนันตำบลปากคลอง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นากยกองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลองและชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมประชุมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และปรึกษาหารือกันเบื้องต้นเพื่อแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดิน ของหมู่ที่ 3 ตำบลปากคลอง หลังจากได้ข้อสรุปก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าพื้นที่สองฝั่งถนนตั้งแต่บริเวณสะพานปลาถ้ำธง มีการบุกรุกตลอดแนวสองฝั่ง ซึ่งมีทั้งที่ก่อสร้างเป็นบ้าน 2 ชั้น เป็นตึกถาวร และมีบางส่วนรุกล้ำลงไปบริเวณพื้นที่ชายฝั่ง บางส่วนก็กำลังก่อสร้าง มีการกั้นรั้วจับจองความเป็นเจ้าของโดยล้อมรั้วลวดหนาม ลงเสาอย่างแน่นหนา มีทั้งที่ก่อสร้างเปิดเป็นร้านค้า ที่พักอาศัย โรงต้มปลา ประมาณ 100 หลังคาเรือน และในขณะนี้กำลังเริ่มขยายออกไปยังบริเวณสันทราย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชุมพร โดยมีการขุดทำลายสันทราย ขึ้นไปสร้างบ้านโดยเป็นลักษณะสร้างเป็นที่พักอาศัยมีห้องน้ำ มีการต่อน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้า จากสภาพการก่อสร้างคาดว่าจะเปิดเป็นร้านค้า โดยนางปราณี เชื้อสุวรรณแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว โดยแจ้งว่ามีชาวบ้านในพื้นที่ยกที่บริเวณที่สร้างบ้านให้ โดยบอกว่าเป็นที่หัวไร่ปลายนา เนื่องจากตนเองไม่มีที่อยู่อาศัยเลยให้มายกบ้านอยู่อาศัย โดยนางประณีตอ้างว่าไม่รู้ว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่สาธารณะ เพียงแต่มีคนยกที่ดินบริเวณนี้ให้สร้างบ้าน ซึ่งจากบ้านที่นางประณีตได้บุกรุกสันทรายขึ้นไปก่อสร้างนั้น บริเวณด้านข้าง แนวเดียวกันก็มีการวางผังและมีปีกไม้กองไว้บริเวณริมถนน เพื่อเตรียมก่อสร้าง ลักษณะการก่อสร้างโครงสร้างมีความแข็งแรงและสวยงาม
นายกิตติพงศ์ โสมณะ ปลัดอำเภอปะทิว ได้กำหนดแนวทางเบื้องต้นในการดำเนินงานโดยจะให้ทาง อ.บ.ต. แจ้งไปยังชาวบ้านที่บุกรุกไปยื่นเรื่องที่อ.บ.ต.ในการดำเนินการเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินทำกิน และขอรังวัดพื้นที่เพิ่มเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับพื้นที่หลวง ตามที่หัวหน้าที่ดินสาขาปะทิวได้แจ้งในที่ประชุม โดยยื่นเรื่องที่สำนักงานที่ดินสาขาปะทิว และมอบหมายให้ทาง อ.บ.ต. ติดป้ายประกาศห้ามมีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะประโยชน์ เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอปะทิว โดยในส่วนที่กำลังก่อสร้างนั้นจะให้ดำเนินการรื้อถอนภายใน 15 วัน หากภายใน 15 วันยังไม่รื้อถอนนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย และในส่วนชาวบ้านที่ก่อสร้างบ้านอยู่กินกันถาวรนั้นจะทำการยื่นรังวัดและตรวจสอบสิทธิ์ต่อไป
นายทนงค์ รุ่งเรือง หัวหน้าสำนักงานที่ดินสาขาปะทิว เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ดินบริเวณนี้คณะกรรมการที่ดินแห่งชาติได้ประกาศห่วงห้ามไว้ฉบับลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2530 เนื้อที่ 1,043 ไร่ 3 งาน 25 ตารางวา ได้มีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง(นสล.) ไปแล้ว2แปลง ซึ่งยังออกไม่หมด ที่ออกไปนั้นออกจากบัญชีสำรวจ และในขณะนี้อยู่ส่วนที่เหลือนั้นอยู่ระหว่างการออกเพิ่มเติมและเรื่องอยู่ในระหว่างดำเนินการ
ซึ่งจากการลงพื้นที่ในวันนี้นั้น จุดที่ชาวบ้านเข้ามาครอบครองทำประโยชน์ กฎหมายบอกว่าหากเข้าไปหลังประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ถือเป็นการบุกรุกชัดเจน อันนี้จะต้องแจ้งความดำเนินคดี ส่วนถ้าเข้าไปก่อนจะต้องแจ้งเป็นหนังสือเพื่อให้ออกภายใน 30 วัน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าชาวบ้านลงมาจับจองพื้นที่ใช้ประโยชน์ไม่นาน บางหลังก็กำลังก่อสร้างซึ่งจาการสอบถามในที่ประชุมก็พบว่ามาก่อสร้างหลังจากออกประกาศห่วงห้ามทั้งสิ้น แนวทางในการดำเนินแก้ไขนั้น ระเบียบกฎหมายวางไว้อย่างชัดเจน โดยส่วนที่ยังไม่ออก นสล.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการขอรังวัดออก นสล. หากชาวบ้านมาคัดค้านก็ทำแผนที่คัดค้านและพิสูจน์สิทธิ์ต่อไป หรือสามารถคัดค้านภายใน 30 วันที่ออกประกาศ โดยหากชาวบ้านจะคัดค้านนั้นจะต้องแสดงเอกสารทางที่ดินหนังสือแสดงสิทธิ์ โดยหากมีเอกสารก็จะเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนตรวจสอบต่อไปว่าเอกสารนั้นชอบหรือไม่ชอบ ถ้าไม่ชอบก็เพิกถอน หรือถ้าไม่มีเลยและไม่ไปใช้สิทธิ์ทางศาลภายใน 60 วัน ทางที่ดินก็จะออก นสล.ต่อไป
นายทรงสิทธิ์ พุ่มศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พื้นที่บริเวณนี้ เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ซึ่งมีชาวบ้านเข้ามาบุกรุกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนเองเพิ่งได้เข้ามารับตำแหน่ง นายกอ.บ.ต.ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ได้เข้ามาตรวจสอบและแจ้งเตือน ชาวบ้านอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนตัวนั้นไม่ทราบกฎหมายในเรื่องการใช้พื้นที่สาธารณะประโยชน์อย่างชัดเจน จึงต้องประสานให้หลายๆหน่วยงานเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหา เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชุมพร และมีความสำคัญทางระบบนิเวศเป็นอย่างมาก ซึ่งหากชาวบ้านเข้ามาบุกรุกสันทรายกันอย่างต่อเนื่อง สันทรายที่สวยงามก็จะหมดไป และที่สำคัญแนวสันทรายพื้นที่สาธารณะผืนนี้มีแนวยาวติดกับโครงการพัฒนาส่วนพระองค์อีกด้วย
นางสมเภา สังขพันธ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้น เป็นพื้นที่อนุรักษ์ เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการสร้างเพียงเพิงพักเท่านั้นไม่ได้มีการสร้างเป็นตึกหรือเป็นบ้านอย่างถาวรอย่างที่เห็น โดยชาวบ้านที่สร้างเป็นเพิงพักนั้นทำอาชีพประมงโดยการตากปลา ต้มปลา โดยเริ่มมีการก่อสร้างอย่างถาวรในยุค คสช.โดยตนเองในฐานะผู้นำชุมชนได้เข้ามาแจ้ง แต่ชาวบ้านก็ไม่สนใจและอ้างว่าไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่ทำกิน โดยจากการตรวจสอบนั้นชาวบ้านส่วนใหญ่มีที่อยู่ที่ทำกิน ทำให้ชาวบ้านหลายคนไม่พอใจและเกิดความห่วงแหนที่สาธารณะจะถูกยึดครองและทำร้ายธรรมชาติ จึงได้รวมตัวกันไปร้องศูนย์ดำรงธรรม และได้ลงมาดำเนินตรวจสอบและให้รื้อถอนในครั้งนี้
วิทยา / ชุมพร