Authority & Harm
เผยตำรวจมหาชัยเตรียมออกหมายเรียก ให้สาวบุรีรัมย์คืนเงินที่โอนผิดบัญชี
สมุทรสาคร-แม่ค้าสาวเผยตำรวจจ่อออกหมายเรียกสาวบุรีรัมย์ ทวงคืนเงินโอนผิดบัญชี
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2565 เวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางสาววิราวรรณ ชวดพงษ์ อายุ 40 ปี ที่อยู่ 9/229 หมู่ที่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ผู้ประกอบกิจการบริษัท SP Foods จำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็ง และวัตถุดิบหมูกระทะทุกชนิด ภายหลังทราบว่า นางสาววิราวรรณฯ ได้โอนเงินผิดบัญชี จากที่ต้องการโอนเงินจำนวน 293,439 บาท ไปยังบัญชีของนายกฤษณะ บำเรอสงฆ์ ซึ่งเป็นคู่ค้ากัน แต่กลับโอนผิดเข้าบัญชีของนางเสาวณีย์ ขอสงวนนามสกุล หญิงสาวชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เหตุเพราะกดเลขผิดเพียงตัวเดียว ครั้นพอมีการติดต่อขอเงินดังกล่าวคืน ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากสาวบุรีรัมย์คนดังกล่าว โดยปลายทางบอกว่า ได้นำเงินไปใช้ส่วนตัวแล้ว และโอนคืนกลับมาให้เพียง 39,700 บาท หรือแม้แต่การขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ธนาคารฯ ที่เป็นเจ้าของบัญชีของผู้เสียหายนั้น ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจนการยื่นเรื่องร้องขอให้มีการติดตามเงินคืน หรืออายัติบัญชีนั้นล่าช้าไป ก่อให้เกิดความเสียหายต่อนางสาววิราวรรณฯ จนต้องมีการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร นับตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา
นางสาววิราวรรณ ชวดพงษ์ ผู้เสียหายเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ตนเองได้ใช้แอบพลิเคชั่นของธนาคารแห่งหนึ่ง (ธนาคารสีเขียว) ในการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อจ่ายค่าเนื้อหมูให้กับคู่ค้าที่เพิ่งค้าขายด้วยกันเป็นครั้งแรก จำนวน 293,439 บาท ครั้นพอโอนเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้แจ้งไปยังคู่ค้าพร้อมกับสลิป แต่ปรากฏว่า ทางคู่ค้าได้บอกว่าตนโอนเงินผิดบัญชีเพราะที่โอนไปไม่ใช่บัญชีของคู่ค้า และชื่อบัญชีก็ไม่ใช่ด้วย ตนจึงได้ทำการตรวจสอบเลขบัญชีอีกครั้ง ก็พบว่าโอนเงินผิดบัญชีจริงเพียงแค่กดเลขผิดตัวเดียวเอง โดยตอนกดโอนนั้นตนเองไม่ได้ทวนซ้ำทั้งเลขบัญชี และชื่อเจ้าของบัญชี ทวนเพียงแค่จำนวนเงินที่ต้อโอน จึงทำให้เกิดความผิดพลาดในครั้งนี้ขึ้น ซึ่งหลังจากที่ทราบว่าโอนเงินผิดบัญชีนั้น ตนก็รีบให้สามีซึ่งเป็นชื่อเจ้าของบัญชี เดินทางไปที่ธนาคารสาขาที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าทันที ส่วนตัวเองติดต่อไปยังคอลเซ็นเตอร์เพื่อขอให้ช่วยอายัติจำนวนเงินในบัญชีที่โอนผิดไปไว้ก่อน แต่ทางคอลเซ็นเตอร์กลับว่า กระทำไม่ได้ ต้องติดต่อสาขาที่เปิดบัญชีไว้เท่านั้น ขณะที่สามีได้โทรศัพท์กลับมาบอกว่า ธนาคารสาขาให้ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ เพราะรวดเร็วกว่า และยังต้องไปแจ้งความเอาหลักฐานมายืนยันกับธนาคารอีกด้วย ซึ่งทุกอย่างที่ธนาคารฯ บอกมา ไม่ว่าจะแจ้งเจ้าหน้าที่สาขา แจ้งคอลเซ็นเตอร์ และ แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเอกสารทางราชการนั้น ตนเองและสามีได้รีบดำเนินการอย่างทันที และทำให้เร็วที่สุด แต่สุดท้ายเมื่อนำหลักฐานตามที่ธนาคารบอกกลับมายื่นที่ธนาคารสาขาอีกครั้ง กลับได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถอายัติได้ จะต้องส่งเรื่องไปที่สำนักงานใหญ่ก่อนตามขั้นตอน
ซึ่งพอสถานการณ์คล้ายกับเข้าตาจนเช่นนี้ และตนเองกับสามีก็ไม่สามารถนั่งรอเฉยๆ ได้ จึงได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อติดต่อนางเสาวณีย์ หรือญาติพี่น้องให้ได้ กระทั่งสุดท้ายสามารถติดต่อกับบุตรสาวของนางเสาวณีย์ได้ พร้อมกับยอมรับว่าแม่โอนเงินมาให้จำนวน 50,000 บาท ทางลูกสาวจึงเอาไปปิดค่างวดรถ 20,000 บาท เหลือเงิน 30,000 บาท ขอโอนให้ก่อนที่เหลือจะผ่อนชำระให้ ส่วนทางด้านของนางเสาวนีย์เอง ก็ได้นำเงินไปซื้อทองน้ำหนัก 1 บาท และซื้อรถจักรยานยนต์อีก 1 คัน ทางตนจึงได้ประสานขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจนร้านทองยอมโอนเงินคืนให้ 30,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไปนำทองมาคืนร้าน นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอื่นๆ ที่นางเสาวนีย์เอาเงินของตนเองไปซื้อ แต่สามารถติดตามแล้วเปลี่ยนเป็นเงินคืนมาได้รวม 150,000 บาท
ทั้งนี้หลังจากตนเอาไปแชร์ในเพจศูนย์แจ้งข่าวบุรีรัมย์ นางเสาวณีย์ ก็ได้โทรกลับมาหาบอกจะโอนเงินคืนให้ 55,000 บาท ที่เหลือจะขอผ่อนชำระ ซึ่งตนและสามีก็ยอมอีก แต่ปรากฏว่าโอนคืนมาให้อีกเพียงแค่ 10,000 บาทเท่านั้น เมื่อโทรไปถาม กลับตอบว่า ใช้เงินหมดแล้ว ส่วนที่เหลือไม่มีจะใช้ให้จึงยอมติดคุกแทน สรุปตอนนี้ตนเองได้เงินกลับคืนมาทั้งหมด 160,000 ยังคงค้างอีกจำนวน 133,439 บาท โดยคงต้องหวังพึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเร่งดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลดังกล่าว เพราะในส่วนตัวนั้นก็เชื่อว่าที่ทำมาทั้งหมดได้ให้โอกาสกับผู้ที่นำเงินของตนเองไปแล้ว แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดพลาดของตนเพียงแค่คลิ๊กตัวเลขผิดไปเพียงตัวเดียว แต่ตามกฎหมายก็ถือว่า บุคคลที่นำไปใช้มีความผิดทางอาญา และเรื่องนี้คงไม่ใช่แค่การเสียเงินจากความไวของยุคระบบออนไลน์เท่านั้น แต่ยังทำให้เสียความรู้สึกจากการให้บริการของธนาคารที่เราไว้ใจเลือกที่จะฝากเงินด้วย ต่างจากการโฆษณาของธนาคาร ว่าทันสมัย สะดวก รวดเร็วแค่ใช้ปลายนิ้วเท่านั้น แต่เมื่อเกิดปัญหาคุณกลับไม่ไวเหมือนอย่างตอนที่ต้องการโฆษณาให้ได้ลูกค้าเลย ซึ่งในวันที่เกิดปัญหาถ้าหากลูกค้าธนาคารยืนยันตัวตนชัดเจน ก็น่าจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนได้หรือไม่
นางสาววิราวรรณ ชวดพงษ์ อายุ 40 ปี ผู้ประกอบกิจการบริษัท SP Foods จำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็ง และวัตถุดิบหมูกระทะทุกชนิด บอกทิ้งท้ายด้วยว่า ตอนนี้ผู้ที่นำเงินของตนเองไปยังคงมีโอกาสที่จะนำเงินกลับมาคืน ก็ขอให้รีบหามาคืนก่อนที่จะมีหมายเรียกไปถึงบ้าน เพราะทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็เตรียมออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวแล้ว หากออกหมายเรียก 2 ครั้ง แล้วไม่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อไปก็จะกลายเป็นหมายจับแทน ซึ่งตนเองนั้นก็ไม่ได้ต้องการให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะจะทำให้เสียชื่อเสียงของบุคคลดังกล่าว รวมไปถึงคนในครอบครัวด้วย แต่ตนเองเพียงแค่ต้องการเงินคืนเท่านั้น จะช้าหรือเร็วก็ขอให้มาเจรจากันให้ชัดเจน