Authority & Harm
ยังไม่สิ้นหวัง!ลุ้นปาฏิหาริย์เรือตกปลาล่ม สูญหาย1รายจนถึงวันนี้ยังคงไร้วี่แวว
ฉะเชิงเทรา-ความหวังไม่สิ้น ญาติรอลุ้นปาฏิหาริย์อย่างมีความคาดหวัง ที่จะได้พบตัวผู้สูญหายกลางลำน้ำบางปะกง จากเหตุเรือล่มที่จะได้กลับขึ้นฝั่งมาอย่างปลอดภัย หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพบเรือเล็กแบบ 2 ตอนที่ถูกกระแสน้ำพัดคว่ำจมหายไป ลอยกลับเข้ามาเกยตื้นอยู่ที่ชายตลิ่งริมฝั่งตรงข้ามกับด้านหน้าวัดบ้านโพธิ์ ทั้งยังพบร่องรอยคล้ายกับรอยเท้าคนเดินขึ้นจากเรือไปยังที่ริมฝั่งบนดินเลน แต่การค้นหามาตลอดทั้งวันยังคงไร้วี่แวว
วันที่ 17 พ.ค.65 เวลา 19.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเหตุเรือตกปลาหางยาวแบบ 2 ตอนขนาดเล็ก ถูกกระแสน้ำไหลลงพร้อมคลื่นลมกลางลำน้ำบางปะกงซัดจนล่มลงกลางลำน้ำบางปะกง ที่บริเวณพื้นที่ ม.3 ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา จนทำให้มีผู้สูญหายในขณะเกิดเหตุ จำนวน 2 ราย เป็นอาวัย 63 ปี และหลานวัย 42 ปี ต่อมาได้มีผู้พบตัวของนายชาญยุทธ วงษ์หอย ผู้เป็นอา ลอยคออยู่ห่างจากจุดเรือล่มมาประมาณ 400 เมตร ทางด้านเหนือของจุดเกิดเหตุ
ที่บริเวณด้านหน้าท่าน้ำวัดบ้านโพธิ์ พื้นที่ ม.1 ต.คลองบ้านโพธิ์ อ.บ้านโพธิ์ หลังจากเกิดเหตุแล้วประมาณ 20-30 นาที ส่วนนายพลากร วงษ์หอย อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/1 ม.1 ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ ผู้เป็นหลานได้สูญหายไปพร้อมกับเรือไม้ขนาดเล็ก ลักษณะปลายหัวเรือแหลมท้ายเรือตัด หลังถูกกระแสน้ำพัดจมหายไปตั้งแต่เมื่อเวลา 20.50 น. วานนี้ (16 พ.ค.65) ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดในวันนี้ เมื่อเวลา 07.30 น. ทางญาติที่ได้นำเรือออกมาตระเวนค้นหากันเอง ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าตรู่และได้มาพบกับซากเรือแล้ว ที่บริเวณคุ้งน้ำด้านในช่วงกึ่งกลางของคุ้งน้ำรูปทรงกระเพาะหมูขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นชายฝั่งริมตลิ่งตรงข้ามกับหน้าวัดบ้านโพธิ์ ลักษณะพื้นที่มีสภาพเป็นป่าจากชายเลน โดยที่ตัวเรือมีรอยฉีกแตกออกที่ด้านท้าย เนื่องจากวัสดุที่ใช้ในการต่อตัวเรือเป็นเนื้อไม้อย่างบาง จนทำให้เครื่องยนต์แบบหางยาวได้หลุดหายไปจากตัวเรือ
นอกจากนี้ยังพบร่องรอยที่บนพื้นดินเลน ในจุดที่พบซากของตัวเรือนอนคว่ำเกยตื้นอยู่ ระหว่างน้ำลงลักษณะคล้ายรอยเท้าของมนุษย์เดินขึ้นไปยังฝั่ง จึงทำให้ทางกลุ่มของญาติเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ที่จะได้เพบตัวนายพลากร และกลับขึ้นมาอย่างปลอดภัย แต่จนถึงในเวลานี้ ที่การออกค้นหาของทีมอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ด้วยเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ และเรือเจ็ทสกีอีกจำนวน 5 ลำนั้น ยังไม่พบตัวของผู้สูญหายแต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นเวลาใกล้ที่จะครบ 24 ชม.แล้ว หลังจากเกิดเหตุ
ขณะที่ นางบุญศรี วงษ์หอม อายุ 63 ปี ผู้เป็นอาสะใภ้ของนายพลากร และเป็นภรรยาของนายชาญยุทธ ผู้สูญหายรายแรกที่พบตัวแล้วนั้น กล่าวว่า วันเกิดเหตุทั้ง 2 คนได้ชวนกันออกไปตกปลากะพงยังที่บริเวณกลางแม่น้ำเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.เศษ หลังจากร่วมรับประทานอาหารเย็นกันแล้ว เนื่องจากทางฝ่ายหลานชายนั้น ได้บอกว่าอยากที่จะกินปลากดแม่น้ำและปลากะพงแม่น้ำ จึงได้พากันออกไป
ซึ่งปกติทางฝ่ายสามีของตนนั้น มีอาชีพกางอวนทำประมงอยู่ในลำน้ำอยู่แล้ว ขณะนี้จึงอยากที่จะได้พบตัวของหลานชายที่สูญหายไป และยังมีความหวังว่าจะได้กลับมาอย่างปลอดภัย นางบุญศรี กล่าว
ขณะที่ นายประเสริฐ วงษ์หอม อายุ 75 ปี ผู้เป็นบิดาของนายพลากร กล่าวว่า ปกตินายพลากร มีอาชีพเป็นเจ้าของแผงพระอยู่ภายในห้างฯ บิ๊กซีสาขาฉะเชิงเทรา ไม่ทราบว่าเขามาทำอะไรกันกับน้องชาย เนื่องจากตนเองได้แยกตัวไปอยู่ยังที่ ย่าน ต.โสธร อ.เมืองฉะเชิงเทรา นานหลายสิบปีแล้ว โดยที่นายพลากร นั้นอาศัยอยู่กับผู้เป็นมารดาที่บ้านหลังเดิมใน ม.1 ต.สนามจันทร์ อ.บ้านโพธิ์ โดยที่เขายังไม่ได้มีครอบครัว ขณะนี้ก็อยากขอให้บุตรชายได้กลับขึ้นมาอย่างปลอดภัย นายประเสริฐ กล่าว
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา