In News

ปลัดสธ.กำชับสาธารณสุขพื้นที่เตรียมรับ อยู่ร่วมโควิดหลังเป็นโรคประจำถิ่น



สุราษฏร์ธานี-ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้นต่อเนื่อง คาดเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นตามกำหนด ให้หน่วยงานสาธารณสุขนำร่องกิจกรรมในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด 19 อย่างปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชน พร้อมทั้งส่งเสริมการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ในครัวเรือนและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่อยอดทางเศรษฐกิจ

 (24 พฤษภาคม 2565) ที่ โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า จ.สุราษฎร์ธานี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนอกสถานที่ ครั้งที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2565 ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานสำคัญ รวมทั้งการเตรียมการของพื้นที่เพื่อรับการเปลี่ยนผ่านโรคโควิด 19 เข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น โดยระบุว่า ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่องและเร็วกว่าฉากทัศน์ที่คาดการณ์ มั่นใจว่าจะเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นตามเวลาที่วางแผนไว้ หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่จึงต้องมีการบริหารด้านสังคมร่วมด้วย โดยนำร่องกิจกรรมในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด 19 อย่างปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชน ทั้งนี้ ประมาณกลางเดือนมิถุนายน จะนำร่องปรับคำแนะนำในบางพื้นที่ที่มีความพร้อม ให้สวมหน้ากากอนามัยใน 3 กรณี คือ 1.กลุ่มผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยง 608 2.อยู่ในสถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และ 3.กิจกรรมที่มีคนร่วมกันจำนวนมาก พร้อมทั้งขอให้สื่อสารไปถึงประชาชนให้ทราบการปฏิบัติตนและเรียนรู้ที่จะอยู่กับโรคโควิด 19 ต่อไป

นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องกัญชาทางการแพทย์ วันที่ 9 มิถุนายนนี้ จะครบกำหนด 120 วัน ที่การปลดล็อคกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดมีผลบังคับใช้ ประชาชนสามารถปลูกโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่จดแจ้งผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของ อย. โดยจะมีกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้กัญชาเสรีในทางที่ผิด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการ จึงต้องใช้กฎหมายด้านสาธารณสุขที่มีอยู่มาควบคุมกำกับก่อน เช่น พ.ร.บ.การสาธารณสุข ขณะเดียวกันก็ให้ทุกหน่วยงานช่วยกันส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้ในครัวเรือน และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพในการต่อยอดทางเศรษฐกิจ โดยในวันที่ 10-12 มิถุนายน 2565 จะมีการจัดมหกรรม “360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร” ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อตอกย้ำและสร้างความมั่นใจในการปลูกและใช้ประโยชน์จากกัญชา ด้วย

 

นอกจากนี้นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงประเด็นเตรียมปรับมาตรการเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย ว่า ยังไม่ได้มีข้อเสนอให้ถอดหน้ากากอนามัยทั้งหมด แต่จะดำเนินการในพื้นที่นำร่องที่มีความพร้อมตามเกณฑ์ คือ มีสถานการณ์ระบาดในระดับต่ำ มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ตามเกณฑ์ และระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยของสถานพยาบาลในพื้นที่มีความพร้อม โดยจะออกคำแนะนำให้มีการสวมหน้ากากอนามัยใน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ป่วย หรือกลุ่มเสี่ยง 608 2.ผู้ที่อยู่ในสถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และ 3.ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตอยู่กับโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัยในการเข้าสู่
โรคประจำถิ่น