Authority & Harm

คืบหน้า!!มือปืนรัว3ศพลูก-เมียเข้าเยี่ยม เปิดใจไม่คิดว่าจะทำชี้ไม่เคยพูดมาก่อน



แพร่-ภรรยา ลูกชาย และเพื่อนสนิทเข้าเยี่ยมมือปืน หลังทราบข่าว ตกใจเพราะไม่คิดว่าก่อนว่าสามีจะก่อเหตุเพราะไม่เคยพูดหรือบอกล่วงหน้ามาก่อน 

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 10 มิถุนายน 2565 นางพิณทิพย์ รักษ์สุข อายุ 49 ปี ภรรยาของนายพิทักษ์ชัย รักษ์สุข อายุ 62 ปี มือปืนยิง 3 ศพ เข้าเยี่ยมสามีหลังทราบว่าสามีก่อเหตุยิง 3 ราย ในศาลาเอนกประสงค์หมู่ 7 บ้านทุ่งน้ำใส เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างสอบสวนถึงสาเหตุการก่อเหตุในครั้งนี้ 

นายพิทักษ์ชัย รักษ์สุข อายุ 62 ปี ผู้ก่อเหตุ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เหตุที่ลงมือเพราะกดดันมานานแล้ว หลายเรื่อง ตนนั้นขอแก้ข่าวว่า ที่เข้าไปสำนักงานอัยการนั้นไม่ได้ไปเพื่อจะไปฆ่าอัยการ แต่ตั้งใจจะไปมอบตัวที่อัยการจังหวัด เพราะหากมามอบตัวที่โรงพักกลัวมีการวิสามัญ ที่ลงมือก่อเหตุเพราะเค้าจะขับไล่ตนออกจากหมู่บ้าน ที่โกรธที่สุดคือผู้ใหญ่บ้าน

นางพิณทิพย์ รักสุข อายุ 49 ปี เล่าว่า ช่วงเช้าแกก็ปกติดีดูละครและกินข้าว ไม่มีอะไรผิดปกติ สำหรับปืนก็เป็นของตัวแกเองถูกต้องตามกฎหมาย แต่ระเบิดนี้ไม่ทราบเพิ่งมารู้ตอนตำรวจบอก สำหรับประเด็นนี้พอทราบว่าเป็นเรื่องพูดกันในไลน์กลุ่มและมีคนตอบกลับมาในลักษณะคำพูดที่ไม่ดีลักษณะเหมือนเราไม่มีสิทธิพูดอะไรแกก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เรื่องแรกที่คุยก็เป็นเรื่องตลาดคลองถม มีคนมาบอกว่า คลองถมนี้ต้องเป็นของผู้ใหญ่บ้านพี่เขาทำไมชอบทำล่ำหน้า ซึ่งตอนแรกผู้ใหญ่บ้านกลัวมีปัญหากับคลองถมอรกฝั่ง  เมื่อเช้าตนเองบอกจะออกไปจ่ายเงินกองทุนหมู่บ้าน แต่แกบอกจะไปจ่ายให้เองตนเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร สำหรับปัญหา เราก็ทราบมานานแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้สำหรับเรื่องข้อพิพาทนั้นน่าจะเรื่องคลองถมที่ชลประทานและทางชลประทานก็อนุญาตให้จัดได้จัดขึ้นทุกวันอังคารและจัดมาได้หลายครั้งแล้วและมาเจอจังหวะเลือกตั้งส.อบต. เมื่อปลายปี 64 และตัวของพี่เขาก็ลงสมัครด้วยจากนั้นพอผลเลือกตั้งออกแกก็เข้าไปแสดงความยินดีในกลุ่มไลน์ของหมู่บ้านและพ่อตาของผู้ใหญ่บ้านก็ตอบกลับว่าหากจะแสดงความยินดีให้ไปแสดงความยินดีส่วนตัวไม่ต้องมาลงในไลน์หมู่บ้าน เรื่องเดินเรื่องชลประทานทำไปเขาก็โยนลงขยะหมด นี่คือที่พ่อตาของผู้ใหญ่พูดในกลุ่มแต่พี่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรแต่ก็เก็บเรื่องนี้ไปฟ้องร้องกัน ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นไม่ทราบต้องถามตัวพี่เขาเอง 

นายสมโรจน์ สำราญชลารักษ์ เพื่อนสนิท เล่าว่า เรื่องที่มีปัญหากันนั้นคาดว่า เป็นเรื่องของการเปิดตลาดนัดริมคลองชลประทานบริเวณป้ายบ้านทุ่งน้ำใส ซึ่งอีกฝั่งนั้นมีคลองถมทุกวันพุธ อีกฝั่งเป็นตลาดแผงพระเครื่อง โดยนายพิทักษ์ชัยฯ นั้นได้ทำหนังสือสอบถามไปยังชลประทานจังหวัดแพร่ว่าสามารถตั้งแผงพระเครื่องทำได้หรือไม่ ซึ่งสามารถทำได้  จากนั้นเหมือนคณะกรรมการหมู่บ้าน ในชุมชน เหมือนไม่พอใจ และพยายามไม่ให้เปิด และอีกเรื่องมีการต่อว่ากันทางไลน์กลุ่ม กับพ่อภรรยาของผู้ใหญ่บ้าน เค้าจึงได้นำข้อความที่ต่อว่ากันทางไลน์กลุ่มนั้นไปฟ้องศาลข้อหาหมิ่นประมาท แต่ทางอัยการสั่งไม่ฟ้อง เค้าน่าจะโกรธเรื่องนี้ เค้าคิดว่าตัวเค้านั้นไม่ได้รับความยุติธรรม น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เค้าฆ่าทั้งสามคน เพราะเป็นคู่กรณี และช่วงสุดท้ายเลยเค้าเคยมาปรึกษาว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องจะทำอย่างไรดี ตนนั้นไม่ได้รับรายละเอียดที่ชัดเจน เลยให้คำปรึกษาไม่ได้ จนมาทราบว่าเกิดเหตุขึ้นตนคาดว่าเค้าน่าจะเครียด ทำให้ลงมือไป สำหรับการที่เค้าไปที่สำนักงานอัยการนั้นคิดว่าเค้าไปสำนักงานอัยการเพื่อไปพบเหตุอื่น คงไม่คิดที่จะไปฆ่าอัยการ พอทราบข่าวตนก็ตั้งใจมาเยี่ยมมาสอบถามว่า เกิดอะไรขึ้น อึดอัดคับข้องใจอะไร เพราะที่ผ่านมาเค้าก็ช่วยเหลือสังคมมาตลอด ที่เค้าทำไปวันนี้เค้าเคยมาปรึกษาเราเหมือนกัน เราไม่คิดว่าเค้าจะทำ คิดว่าเค้าน่าจะมีทางออกที่ดี จึงไม่ทราบว่าเค้าคิดอย่างไรจึงตัดสินใจทำแบบนี้

นายสมโรจน์ สำราญชลารักษ์ เพื่อนสนิท เล่าว่า เรื่องที่มีปัญหากันนั้นคาดว่า เป็นเรื่องของการเปิดตลาดนัดริมคลองชลประทานบริเวณป้ายบ้านทุ่งน้ำใส ซึ่งอีกฝั่งนั้นมีคลองถมทุกวันพุธ อีกฝั่งเป็นตลาดแผงพระเครื่อง โดยนายพิทักษ์ชัยฯ นั้นได้ทำหนังสือสอบถามไปยังชลประทานจังหวัดแพร่ว่าสามารถตั้งแผงพระเครื่องทำได้หรือไม่ ซึ่งสามารถทำได้  จากนั้นเหมือนคณะกรรมการหมู่บ้าน ในชุมชน เหมือนไม่พอใจ และพยายามไม่ให้เปิดตลาดนัดพระเครื่อง และอีกเรื่องมีการต่อว่ากันทางไลน์กลุ่ม กับพ่อภรรยาของผู้ใหญ่บ้าน เค้าจึงได้นำข้อความที่ต่อว่ากันทางไลน์กลุ่มนั้นไปฟ้องศาลข้อหาหมิ่นประมาท แต่ทางอัยการสั่งไม่ฟ้อง เค้าน่าจะโกรธเรื่องนี้ เค้าคิดว่าตัวเค้านั้นไม่ได้รับความยุติธรรม น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เค้าฆ่าทั้งสามคน เพราะเป็นคู่กรณี และช่วงสุดท้ายเลยเค้าเคยมาปรึกษาว่าอัยการสั่งไม่ฟ้องจะทำอย่างไรดี ตนนั้นไม่ได้รับรายละเอียดที่ชัดเจน เลยให้คำปรึกษาไม่ได้ จนมาทราบว่าเกิดเหตุขึ้นตนคาดว่าเค้าน่าจะเครียด ทำให้ลงมือไป สำหรับการที่เค้าไปที่สำนักงานอัยการนั้นคิดว่าเค้าไปสำนักงานอัยการเพื่อไปพบเหตุอื่น คงไม่คิดที่จะไปฆ่าอัยการ พอทราบข่าวตนก็ตั้งใจมาเยี่ยมมาสอบถามว่า เกิดอะไรขึ้น อึดอัดคับข้องใจอะไร เพราะที่ผ่านมาเค้าก็ช่วยเหลือสังคมมาตลอด ที่เค้าทำไปวันนี้เค้าเคยมาปรึกษาเราเหมือนกัน เราไม่คิดว่าเค้าจะทำ คิดว่าเค้าน่าจะมีทางออกที่ดี จึงไม่ทราบว่าเค้าคิดอย่างไรจึงตัดสินใจทำแบบนี้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหา ความผิดฐาน "ฆ่าผู้อื่น โดยเจตนา , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครอง, มีวัตถุระเบิดแสวงเครื่องไว้ในความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปีนในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร" โดยแจ้งข้อกล่าวหาหร้อมสิทธิดังกล่าวข้างต้นให้ทราบ ทำการจับกุมตัว นำตัวผู้ถูกจับพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ เพื่อดำเนินคดีต่อไป