In Thailand

5ขรก.ทม.ชัยภูมิวอนเงินบำนาญไม่พอใช้ ชี้ต้องใช้หนี้เงินกู้แทนผอ.คลังที่ย้ายหนี



ชัยภูมิ-ข้าราชการบำนาญ วอนขอความเมตตาต้องใช้หนี้เงินกู้แทน ผอ.กองคลังฯทุกเดือนจนเงินไม่เหลือใช้ในครอบครัวเดือดร้อนบางเดือนต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้  เจ้าหน้าที่เทศบาลฯชั้นผู้น้อย 5 คน ต้องใช้หนี้เงินกู้ออมสินแทน ผอ.กองคลังที่ย้ายหนีไป เกือบ 2 ล้านบาท  ปัจจุบันขัดสนเงินเดือนไม่พอใช้จ่ายในครอบครัวซ้ำร้าย ภรรยาเป็นโรคอัลไซเมอร์ ได้รับความลำบาก วอนขอความเมตตาให้เจ้าของหนี้รับผิดชอบ

ผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยภูมิ  ได้รับเรื่องร้องเรียน จากนายนิพนธ์   ภักดีกุล  อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 171/2 หมู่ 8 ตำบลในเมือง  อำเภอเมืองชัยภูมิ    ว่าก่อนเกษียณตนเป็นรับราชการเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป เทศบาลเมืองชัยภูมิ เมื่อปี 2556 ตนกับพวกน้องๆเจ้าหน้าที่ อีก 5 คนประกอบด้วยนายเสรี  เมตตาพล  นายณรงค์  พิไลกุล  นายปริญญา  สุขบัว และนายธนกฤต  แฝงฤทธิ์ จับกลุ่มกันกู้เงินจากธนาคารออมสิน สาขาชัยภูมิเพื่อมาใช้จ่ายในครอบครัว  ในลักษณะต่างคนต่างช่วยกันค้ำต่อมานางรพีพรรณ ซึ่งเป็นหัวหน้างานของพวกตน ได้มาขอให้กลุ่มช่วยค้ำประกันเงินกู้ธนาคารออมสินให้  ซึ่งพวกตนอยู่ในสภาวะจำยอมค้ำประกันให้ โดยนางรพีพรรณ มิได้ค้ำประกันเงินกู้ของกลุ่ม 5 คน แต่อย่างใด เป็นจำนวนเงินกู้ 1 ล้าน5 แสนบาทเศษ  ในขณะที่กู้ใหม่ๆก็ไม่มีปัญหาเพราะนางรพีพรรณยังรับเงินเดือนอยู่ในจังหวัดชัยภูมิ  ธนาคารออมสินฯยัง สามารถหักเงินเดือนได้ ต่อมานางรพีพรรณ ได้ย้ายไปรับตำแหน่งใหม่เป็น ผอ.กองคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว อ.กบิลบุรี จ.ปราจีนบุรี  หลังจากโอนเงินเดือนไปก็ไม่เคยส่งเงินใช้หนี้เลย ธนาคารออมสินจึงส่งเรื่องฟ้องบังคับคดี กลุ่มผู้ค้ำประกันทั้ง 5 คนและหักเงินใช้หนี้แทนเป็นรายเดือนๆละ12,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย เฉลี่ย 5 คนต้องถูกธนาคารหักเงินไปคนละ 2,600 บาทต่อเดือนตั้งแต่ปี 2562 จนถึงบัดนี้ และอาจหักต่อไปจนกว่าจะหมดเงินกู้  โดยนางรพีพรรณมิได้เหลียวแลหรือช่วยเหลือแต่ประการใด  ทั้งๆที่พวกตนเองได้ไปพบตัวนางรพีพรรณ  ก็ไม่ได้รับคำตอบ  ได้ส่งหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอความอนุเคราะห์ต่อผู้บังคับบัญชา นายก อบต.เขาไม้แก้ว  และศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดปราจีนบุรี แต่เรื่องก็เงียบหายไปปัจจุบันเหลือหนี้ของนางรพีพรรณอีกกว่าล้านบาท     

นายนิพนธ์  ภักดีกุล  หนึ่งในผู้ค้ำประกันเงินกู้ของนางรพีพรรณ  ปัจจุบันเกษียณราชการแล้วบอกว่าขณะนี้ตนได้รับความเดือดร้อนมาก เงินพิเศษ เงินได้จากการเกษียณถูกธนาคารหักไปหมด  เงินบำนาญก็ได้รับน้อยลงกว่าเดิม เหลือเพียง 20,600 บาท ซึ่งต้องใช้หนี้ธนาคาร 6000 บาท หนี้สหกรณ์ หนี้สินภายนอก กินอยู่รายวัน  ซ้ำร้ายภรรยาคือนาง สมใจ  ภักดีกุล อายุ74 ปี มาป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากคิดมาก ร่างกายไม่สมบูรณ์แข็งแรงเหมือนเดิม ตนต้องดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา  และต้องเทียวหาหมอเป็นประจำ  ทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวตนไม่มีรายได้จากที่อื่น เงินที่ได้รับรายเดือนก็เหลือไม่พอใช้ดำรงชีวิต จึงขอความเมตตานำเรียนให้ผู้บังคับบัญชาของนางรพีพรรณ วิสุทธิ์ศักดิ์  ผอ.กองคลัง อบต.เขาไม้แก้ว  นายอำเภอเขาไม้แก้ว ท้องถิ่นจังหวัดปราจีนบุรี ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ช่วยกรุณาพิจารณาว่าการกระทำเช่นนี้ผิดวินัย หรือผิดจริยธรรมข้าราชการหรือไม่อย่างไร  นายเสรี  เมตตาพล และ ภรรยากล่าวขอร้องทั้งน้ำตาว่า  ขอให้นางรพีพรรณเห็นใจ ครอบครัวของน้องๆบ้างที่ได้รับความลำบาก เงินเดือนก็น้อยมีภาระต้องใช้จ่ายในครอบครัว  การเรียนของลูกและหลาน  และหนี้สิน  บางเดือนไม่พอใช้  ชักหน้าไม่ถึงหลัง  ต้องกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่ายบ้าง  ส่วนท่านเป็นถึงผู้บริหารระดับสูง  ขอให้มีเมตตาต่อลูกน้องที่ลำบากยากเข็ญ  กรุณามารับผิดชอบใช้หนี้ที่ของตัวเองที่ได้กู้ธนาคารไป อย่าได้ทำบาปกับลูกน้องตนต่อไปเลย”

นายนิพนธ์  ภักดีกุล  บอกว่ามีความต้องการให้ ผอ.ท่านนี้มารับภาระหนี้สินที่ตัวเองทำไว้ แต่ผลักภาระให้คนอื่นรับภาระแทนทั้งๆที่ได้ขอร้องมาหลายหนแล้ว  จึงขอให้ท่านผู้บังคับบัญชาทุกท่านช่วยดำเนินการให้ด้วยครับ