Authority & Harm

ส่วนราชการศรีสะเกษแห่ช่วยหญิงลักนม รองผู้ว่าฯ-พม.รุดเยี่ยมมอบสิ่งของช่วย



พม. ศรีสะเกษ ช่วยเหลือแล้ว กรณีหญิง อายุ 51 ปี ถูกจับ เพราะขโมยนมกล่องให้ลูกพิการกิน อ้างไม่มีเงินซื้อ

พม. ศรีสะเกษ ช่วยเหลือแล้ว กรณีหญิง อายุ 51 ปี ถูกจับ เพราะขโมยนมกล่องให้ลูกพิการกิน อ้างไม่มีเงินซื้อ

ศรีสะเกษ-รองผู้ว่าฯศรีสะเกษช่วยเหลือแม่ขโมยนม 3 กล่องให้ลูกดื่ม สำนึกผิดร่ำไห้ที่ทำไปเพราะความจน วอนสังคมให้โอกาสด้วย ล่าสุดพม. ศรีสะเกษ ช่วยเหลือแล้ว กรณีหญิง อายุ 51 ปี ถูกจับ เพราะขโมยนมกล่องให้ลูกพิการกิน อ้างไม่มีเงินซื้อ

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม  2565 สภ.เมืองศรีสะเกษ  นายสำรวย เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายคมป์ สังข์วงษ์ นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ พ.ต.อ.หัสพงศ์ เติมศิริตังคโณบล รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.ณัฐกิตติ์ เจริญเกษสุวรรณ์  ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมแนวทางแก้ไขปัญหาและเข้าให้ความช่วยเหลือแม่ขโมยนม 3 กล่องให้ดื่มลูก จากร้านสะดวกซื้อ จำนวน 3 กล่อง มูลค่ารวม 39 บาท แล้วถูกผู้จัดการร้านควบคุมตัวไว้ได้และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวไปดำเนินคดี  โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน นำตัวเข้าห้องควบคุม ต่อมา พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่า คดีนี้ ตนตรวจสอบแล้วเห็นว่า แม้คดีนี้จะเป็นคดีอาญาแผ่นดินต้องหาว่า ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี และบุคคลอื่นไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง แต่เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีบุตรที่จะต้องดูแล ไม่น่าจะหลบหนี และทรัพย์ที่ลักเอาไปมีมูลค่าเล็กน้อย  ซึ่งเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตนขโมยนมจริง เพื่อจะนำไปให้ลูกสาวอายุ 15 ปีดื่ม เนื่องจากลูกสาวบอกว่าหิว ตนไม่มีเงินแต่ก็ต้องการที่จะดูแลลูกสาวให้ได้อยู่ดีกินอิ่ม และอยากดูแลเขาให้ดี ไม่มีเงินก็ต้องหาทางหาของที่ลูกต้องการมาให้ได้ ซึ่งตนเคยก่อเหตุลักทรัพย์ในร้านสะดวกซื้อแบบนี้มาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 หลังจากที่ตำรวจมารับตัวตน ตำรวจสงสารได้จ่ายเงินค่านมให้เพื่อไม่ให้ตนถูกจับกุม แต่ผู้จัดการร้านไม่ยอมยืนยันให้ดำเนินคดี ตนได้รับปากกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะจ่ายค่านมให้ว่าต่อไปจะไม่ทำอีก

ในการนี้ นายสำรวย เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ และส่วนราชการเกี่ยวข้อง  ได้ไห้การช่วยเหลือผู้ต้องหาและครอบครัว ในเบื้องต้นมอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค พร้อมกับเงินสดจำนวนหนึ่ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป

นายสำรวย รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ในส่วนของคดีเบื้องต้นทางตำรวจก็ได้ดำเนินการปล่อยตัวชั่วคราวไปแล้ว และเจ้าหน้าที่จะได้เร่งส่งสำนวนให้อัยการเพื่อส่งฟ้องศาลตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งผลการตัดสินคดีจะเป็นเช่นไรนั้นขึ้นอยู่กับผู้พิพากษาศาลท่านจะพิจจารณา ส่วนในเรื่องของความทุกข์ยากลำบากนั้น ทั้งในเรื่องของที่อยู่อาศัยที่ชำรุดทรุดโทรม ภายในบ้านมีผู้อยู่อาศัยรวมทั้งหมด 10 คน ทั้งชายและหญิงอยู่รวมกันนั้น  เบื้องต้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้านเข้าให้ความช่วยเหลือดูแล ทั้งในเรื่องของการปรับปรุงบ้านที่อยู่อาศัย การส่งเสริมให้มีอาชีพ ให้มีรายได้ ส่วนปัญหาเรื่องสุขภาพความเจ็บป่วย ก็ได้มีแพทย์ พยาบาล จากทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแลอยู่แล้ว  จึงขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่อยากให้เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะประเด็นที่ว่ากระทำความผิดลักษณะนี้แล้ว จะได้รับความช่วยเหลือ เราก็ต้องดูปัจจัยหลายอย่างประกอบกันในการให้ความช่วยเหลือ การกระทำแบบนี้ไม่สมควรนำไปเป็นแบบอย่าง ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกกฎหมาย ไม่สมควรทำ และจะต้องมีคดีติดตัวไปตลอดชีวิตอีกด้วย

น.ส.ภัทรนันท์  ผู้ต้องหา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนรู้สึกผิดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่ทำไปเพราะความจน ตนขอสัญญาว่าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกต่อไป และขอบคุณทุกภาคส่วนที่เมตตาและให้โอกาส และรู้สึกดีใจมากที่ผู้หลักผู้ใหญ่ให้การเมตตาช่วยเหลือดูแล ต้องขอขอบคุณทุกท่านทุกฝ่ายที่ช่วยให้ตนออกจากห้องขัง และจะไม่ทำให้แม่และญาติพี่น้องต้องเป็นทุกข์ใจอีกต่อไป.

ล่าสุด ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าว กรณีการจับกุมและดำเนินคดี หญิงวัย 51 ปี ขโมยนมกล่อง 3 กล่อง จากร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยอ้างว่าจะนำไปให้ลูกที่ป่วยพิการกิน เพราะไม่มีเงินซื้อ นั้น เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 65 กระทรวง พม. โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษ และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมบ้านเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า หญิงผู้ก่อเหตุดังกล่าวป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ตั้งแต่ปี 2563 โดยต้องรับยาทุกๆ 3 เดือน และมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะนี้ ไม่ได้ประกอบอาชีพผู้ช่วยพ่อครัว ซึ่งมีรายได้วันละ 350 บาท เนื่องจากได้ลาออกหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อาศัยอยู่กับสามี อายุ 48 ปี เป็นผู้หารายได้หลัก เดือนละ 6,000 บาท และลูกสาว อายุ 15 ปี พิการทางร่างกายและการเคลื่อนไหว มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเบี้ยยังชีพคนพิการ เดือนละ 1,000 บาท อีกทั้งป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เคยทำร้ายร่างกายตัวเอง ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ขณะนี้ กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งไม่ได้เข้าเรียนมาประมาณ 1 สัปดาห์  โดยอ้างว่าถูกเพื่อนในโรงเรียนล้อเลียน และมีอากาหวาดระแวงโดยอยากย้ายห้องเรียนหรือไปเรียนโรงเรียนอื่น นอกจากนี้ ครอบครัวดังกล่าวอาศัยอยู่ในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรมของบิดาเลี้ยงที่เสียชีวิตแล้ว มีร่วมกับเครือญาติอีก 2 ครอบครัว รวม 10 คน

นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ กระทรวง พม. ได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือต่างๆ ดังนี้ 1) ด้านสุขภาพ  สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดศรีสะเกษจะประสานโรงพยาบาลในเรื่องการรักษาอาการโรคซึมเศร้าของหญิงผู้ก่อเหตุพร้อมบุตร และปรึกษาการแก้ปัญหาด้านพฤติกรรมการลักเล็กขโมยน้อยของหญิงผู้ก่อเหตุ 2) ด้านเศรษฐกิจและรายได้  หน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. เคยให้การช่วยเหลือเป็นเงินกู้ยืมจากเงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จำนวน 40,000 บาท โดยไม่คิดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจากการเยี่ยมบ้านครั้งนี้จะพิจารณาให้การช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง อีกทั้งภาคเอกชนได้ร่วมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและเงินจำนวนหนึ่ง 3) ด้านการศึกษา จะดำเนินการร่วมกับสำนักงานเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ประสานและพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียนของเด็ก เพื่อพิจารณาแนวทางในการช่วยเหลือด้านการศึกษาต่อไป 4) ด้านที่อยู่อาศัย จะพิจารณาให้ความช่วยเหลือในการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ในปีงบประมาณ 2566 พร้อมทั้งจะประสานภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาหาแนวทางในการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยต่อไป และ 5) ด้านการดำเนินคดี  จะประสานติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินคดี