EDU Research & ESG

'หนูผิดอะไร'นร.หญิงม.3ทำการบ้านไร้ไฟ หลังถูกพระใจร้ายเคืองพ่อหาเรื่องตัดไฟ



นครปฐม-เด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.3 อัดคลิบวอนสื่อช่วยครอบครัวหลังบ้านถูกยกมิเตอร์ไฟฟ้า ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากตอนกลางคืนโดยต้องจุดเทียนและสวมหมวกส่องกบทำการบ้านและกินข้าวในครอบครัว โดยหวั่นถูกสัตว์มีพิษกัด โดยผู้เป็นพ่อบอกบ้านตั้งในพื้นที่วัดดังในเขตอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม คาดที่ถูกตัดไฟฟ้าเพราะไม่ถูกกับพระลูกวัดเรื่องทวงเงินค่าก่อสร้างบ้านให้ วอนผู้มีอำนาจช่วยบรรเทาทุกข์ให้ลูกทั้ง 2 คน 

วันนี้ 26 ก.ค. 65 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียน จากนักเรียนหญิงชั้น ม.3 ด้วยการอัดคลิบวิดิโอ ในช่วงทำการบ้านและทานข้าวเวลากลางคืน โดยการจุดเทียนและใช้ตะเกียงเจ้าพายุ ในบ้านพักโดยมีพ่อต้องสวมหมวกติดไฟส่องกบ นั่งกินข้าวร่วมกัน โดยบรรยายถึงความลำบากและอันตรายจากสัตว์มีพิษและมีการร้องขอให้ผู้ที่มีอำนาจช่วยเหลือเพราะบ้านถูกตัดมิเตอร์ไฟฟ้า เพราะพ่อมีปัญหากับพระลูกวัดแห่งหนึ่งในเขตอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม แจ้งให้การไฟฟ้ามายกมิเตอร์ไป เนื่องจากบ้านที่พักอาศัยเป็นธรณีสงฆ์ 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับ นายประสิทธิ์ นามวงษ์ อายุ 57 ปี อาชีพรับจ้าง ที่บ้านเลขที่  327 ม.8 ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบิดาของ นักเรียนหญิงเจ้าของคลิบดังกล่าว โดยพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียวโดยมีคนอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน โดยที่หน้าบ้านอยู่ติดกับริมถนนและมีเสาไฟฟ้าตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน แต่ไม่มีไฟฟ้าใช้ในบ้าน ซึ่งนร.หญิงคนดังกล่าวได้มีการอธิบายความยากลำบากในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะเป็นปัญหาเรื่องการเรียนเนื่องจากบ้านหลังนี้มีเด็กท 2 คนที่กำลังเรียนหนังสือ โดยมีน้องชายอีกคนที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 ด้วย 

นายประสิทธิ์ นามวงษ์ อายุ 57 ปี บอกว่า บ้านหลังที่ตนอาศัยอยู่เป็นพื้นที่ของวัดหนองโพธิ์ ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน ซึ่งตนเองได้ไปขออนุญาตจากเจ้าอาวาสในการขอใช้ที่ดินปลูกสร้างบ้านอาศัย โดยได้รับอนุญาตเรียบร้อยซึ่งได้อาศัยในพื้นที่มาได้ ประมาณ 1 ปีแล้วและได้มีเอกสารรับรองจากผู้ใหญ่บ้านและอบต.ห้วยหมอนทอง ในการใช้ที่ดินอย่างถูกต้องตามหลักกการทั้งหมด เนื่องจากตนเองทำหน้าที่เป็นช่างอยู่ในวัดแห่งนี้ โดยตอนนี้ที่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้มาแล้วประมาณ 1 เดือนโดยต้องอาศัยอยู่อย่างลำบาก โดยเฉพาะช่วงกลางคืน ลูกสาวต้องทำการบ้านโดยการจุดเทียน หรือสวมหมวกที่มีสายยางรัดที่มีไฟส่องหรือที่เรียกว่าไฟจับกบ ทำการบ้านและกินข้าว ตามคลิบที่ปรากฏ

นายประสิทธิ์ บอกอีกว่า สาเหตุที่บ้านพักตนเองถูกตัดไฟเชื่อได้ว่าเป็นเพราะตนเองมีความขัดแย้งกับพระลูกวัดรูปหนึ่งซึ่งเคยรับงานไปทำบ้านให้พระรูปนี้แล้วไม่ได้รับเงินค่าว่าจ้าง เมื่อทวงถามก็ถูกปฏิเสธมาตลอด โดยเงินค่าซื้อของหรือว่าจ้างทำงานในวัดพระรูปนี้ก็ไม่ยอมจ่าย อ้างว่าไม่มีเงิน ซี่งหลายคนรู้ว่าตนเองพยายามทวงมาตลอดแต่ก็ไม่ได้ ซึ่งพระรูปนี้จะมีหน้าที่ดูแลเรื่องเงินทั้งหมดในวัดเพราะได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาส โดยตนเองจะถูกกดดันมาตลอดซึ่งเพื่อนบ้านที่มาคอยช่วยเหลือก็จะถูกขู่ไม่ให้มายุ่งเกี่ยว

นายประสิทธิ บอกต่อไปว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม  ที่ผ่านมา ตนเองได้ไปขออนุญาต เพื่อขอการใช้ไฟชั่วคราวจากวัดหนองโพธิ์ แต่ทางวัดได้มีการให้ตัดไฟที่พ่วงออกมาจากวัด และยังได้ดำเนินการในการหักค่าแรงที่ทำงานของวัดเป็นค่าใช้ไฟฟ้า ต่อมาเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอกำแพงแสน ได้มาถอดมิเตอร์ออกจากที่บ้าน โดยได้มีหนังสือแจ้งถึงนายเอกพล นามวงษ์ บุตรชาย ว่าที่อยู่ไม่ตรงกับที่อยู่ของผู้ขอและทางวัดหนองโพธิ์ได้มีหนังสือแจ้งไปยังการไฟฟ้าว่าจะยินยอมให้มีการติดตั้งก็ต่อเมื่อมีการยิมยอมจากทางวัดเท่านั้น ซึ่งตนเองเชื่อว่าเกิดจากปัญหานี้ และอยากจะขอวอนหน่วยงานที่รับผิดชอบและมีอำนาจมาช่วยครอบครัวของตนเองด้วยเนื่องจากสงสารลูกทั้ง 2 คนที่ใช้ชีวิตอย่างลำบากมากในตอนนี้ 

“ผมได้รับการช่วยเหลือ จากอบต.ห้วยหมอนทอง ในคืนแรกคือเอาเครื่องปั่นไฟมาปั่นให้ แต่เสียค่าน้ำมันไป 1 พันกว่าบาท ซึ่งผมก็สู้ไม่ไหว ต่อมาก็ได้พยายามแก้ปัญหาเอาไฟจากรถยนต์ แปลงเป็นไฟฟ้า 12 โวลท์ เพื่อมาเป็นไฟส่องสว่างก็เสียค่าน้ำมันอีก คืนละ 200-300 บาท ผมก็ไม่ไหว ผมถอดใจไม่ขอทวงเงินที่ทางพระรูปนั้นติดไว้แล้วไม่เอาแล้ว แต่อยากจะให้ใครก็ได้มาต่อมิเตอร์ไฟฟ้าให้ลูกผมได้ใช้ไฟฟ้าบ้างก็ยังดี” นายประสิทธิ์กนายจำลอง จันทร์ดี อายุ 68 ปี 20 ม.8 ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ส.อบต.ห้วยหมอนทอง บอกว่า ตนเองเป็น ส.อบต.มา 24 ปี ซึ่งหลานเขยชื่อนายเอกพล ซึ่งเป็นลูกชายของนายประสิทธิ์ ได้มาขอร้องให้ช่วยเหลือซึ่งก็เห็นนายประสิทธิ์ไปขออนุญาตจากการไฟฟ้าในการใช้ไฟฟ้าชั่วคราว ซึ่งทางการไฟฟ้าได้อนุมัติจะมาติดตั้งมิเตอร์ให้แล้ว แต่เมื่อจะมาก็ถูกปฏิเสธจากทางวัดอีก และนายเอกพลมาบอกตนเองว่าสงสารน้อง ๆ มากเพราะเขาทำการบ้านไม่ได้เพราะไฟจากเปลวเทียนนั้นร้อนมาก ในฐานะที่ตนเองเป็นผู้นำชุมชนก็อยากจะช่วยลูกบ้านและประชาชน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาวิธีอะไรมาช่วยเพราะเจอปัญหาแบบนี้ วอนสื่อกระจายข่าวให้มีการช่วยเหลือครอบครัวนี้ด้วย