EDU Research & ESG

'Aniverse Metaverse'จับมือ17มหา'ลัย ผนึก xCHAIN ผุด'เมตาเวิร์ส'การศึกษา



กรุงเทพฯ-“Aniverse Metaverse” โลกเสมือนแห่งการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ Edu GameFiและ LMS (Learning Management System)ผสานการเข้าถึงโลกแห่งการเรียนรู้ของอาจารย์และนักศึกษาประกาศพลิกโฉมวงการการศึกษาไทยครั้งสำคัญ เนรมิต “MetaverseEducation Community” คอมมูนิตี้ด้านการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศรุกผนึกกำลัง “xCHAIN” ผู้นำแพลตฟอร์มบล็อกเชนของเมืองไทยพร้อมจับมือสุดยอดมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าจำนวน 17 แห่ง ชูจุดต่างด้วยค่าGas Fee เพียง 10-25 สตางค์ รังสรรค์จำนวนผู้ใช้งานในช่วงบุกเบิกกว่า 1.3ล้านคน จากเหล่านักศึกษาและอาจารย์กว่า 500,000 คน บวกกับยูสเซอร์บน Join Application อีกกว่า 800,000 คน และความร่วมมือจาก กระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ anitechที่ซัพพอร์ตด้านเครื่องมือในการเข้าถึงให้กับทุกยูสเซอร์ผสานโลกแห่งการเรียนและการเล่นเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพเชื่อมต่อทุกโครงสร้างพื้นฐานบนโลกบล็อกเชนที่เปิดกว้างโอกาสสำหรับทุกธุรกิจพร้อมพุ่งทะยานสู่การเป็นเมตาเวิร์สด้านการศึกษาที่ครบถ้วนและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

โดย โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานกรรมการบริหาร และ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทครีเอทีฟ ดิจิทัล ลีฟวิ่ง จำกัด กล่าวถึงการพลิกโฉมวงการการศึกษาในครั้งนี้ว่า“จากรายงานของ Grand View Research ภาพรวมของมูลค่าตลาดเมตาเวิร์สทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 6,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030ขณะเดียวกันผลวิจัยของ Global Market Insightsระบุตัวเลขตลาดการศึกษาออนไลน์มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 20% ในปี 2022ถึงปี 2028 จาก 315 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สู่ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 27% ประกอบกับ ITUรายงานตัวเลขผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกแตะ 4,900 ล้านคนในปี 2022สะท้อนให้เห็นภาพที่เปลี่ยนไปของโลกการศึกษาในปัจจุบันที่ทุกคนบนโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็สามารถเข้าถึงหลักสูตรการเรียนการสอนผ่านโลกออนไลน์ได้ตั้งแต่ เริ่มเรียนจนกระทั่งได้รับปริญญา”

“ขณะที่วันนี้ แอนิเวิร์ส เมตาเวิร์สได้พัฒนาทุกองค์ประกอบของแต่ละเฟสไปตามแผนทั้งหมดโดยล่าสุดเราได้พัฒนาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยในการนำพาอาจารย์และนักศึกษาจำนวน 500,000 คน เพื่อก้าวเข้าสู่โลกของเมตาเวิร์สด้วยระบบ LMS(Learning Management System)
ที่ทีมแอนิเวิร์สพัฒนาขึ้นร่วมกับอาจารย์และนักศึกษา ซึ่งล่าสุดระบบการเรียนออนไลน์ในต่างประเทศนั้นก็มีตัวอย่างที่สำเร็จที่หน่วยงานภาครัฐของเยอรมนีได้นำ LMS Platform ไปใช้กับโรงเรียนในเบอร์ลินโดยเริ่มจากอาจารย์และนักเรียนหลักหมื่นจนปัจจุบันกำลังขยายจำนวนให้ครอบค
ลุมถึง 400,000 คนแล้วรวมถึงมหาวิทยาลัยในต่างประเทศหลายแห่งก็มีการปรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆในเมตาเวิร์สเข้ามารองรับการศึกษาออนไลน์ที่ขยายตัวจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่แอนิเวิร์สจะพัฒนาสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยศักยภาพและราคาใน การเข้าถึงเทคโนโลยีที่ถูกมากจึงเชื่อว่าระบบของแอนิเวิร์สจะสามารถสเกลและทำซ้ำขั้นตอนส่วนใหญ่ของการเรียน

การสอนได้เองโดยทั้งอาจารย์และนักศึกษาทำให้อนาคตจะสามารถหาทางช่วยลดจำนวนเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาที่มีตัวเลขถึง 65,000 คนในปี 64 และจำนวนที่อาจจะสูงขึ้นเรื่อยๆให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบได้ พร้อมทั้งช่วยหาโอกาสใหม่ๆให้เด็กนักเรียนยากจนพิเศษอีก 1.2 ล้านคนตามข้อมูลจาก กศส.ให้ได้มีโอกาสในโลกใหม่อย่างดิจิทัลเพราะในโลกความเป็นจริงคงยากมากที่จะช่วยคนจำนวนมากเช่นนี้ได้หากไม่ใช้ระบบมาเป็นตัวช่วย เพียงแต่คงยังต้องหาวิธีและเชื่อว่าอนาคตจะเป็นไปได้”“วันนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญสำหรับภาคการศึกษาของประเทศไทย
เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตร ทุกราย

ทำให้วันนี้เราวางแผนที่จะกลายเป็น Metaverse Education Communityบนโลกเมตาเวิร์สที่ใหญ่ที่สุดใน ประเทศไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิอันจะนำไปสู่การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่สร้างความสนุกและความน่าสนใจในการเรียนการสอนมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจาก xCHAINในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ช่วยลดต้นทุนในเรื่อง Gas Feeทำให้คอมมูนิตี้แห่งนี้สมบูรณ์แบบและพร้อมสร้างโอกาสให้กับผู้ใช้งานทุกคนไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม” โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี กล่าวสรุป

ด้าน ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัดกล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “xCHAIN เป็น non-profit organizationที่มีพันธกิจเพื่อเป็นเทคโนโลยีบล็อกเชนพื้นฐานที่สร้างขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคการศึกษา นักศึกษา กลุ่มธุรกิจขนาดย่อม วิสาหกิจ หรือกลุ่มนักพัฒนาได้ใช้งานด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อย และมีความ ผันผวนต่ำ ความร่วมมือกับ แอนิเวิร์สเมตาเวิร์ส นับเป็นแพลตฟอร์มแห่งแรกที่ xCHAIN เข้าร่วมลงทุนด้วยเพราะมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน ด้วยจุดแข็งของพันธมิตรและแพลตฟอร์มของเราจะช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปในแบบบูรณาการ เพื่อเป็นทางเลือกและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายให้กับคอมมูนิตี้แห่งนี้ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และมีมูลค่าจากระบบบล็อกเชนที่มีความพร้อม ขณะที่ I AM Consultingจะเข้าช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้วยการช่วยสนับสนุนผู้ใช้งานและเพิ่มจำนวนให้เข้าสู่ระบบเมตาเวิร์ส รวมถึง Join Applicationกระเป๋าดิจิทัลที่จะเชื่อมต่อทุกคนบนโลกเทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถยืนยันตัวตนได้ตามมาตรฐาน NDIDและระบบยังมีความพร้อมเชื่อมต่อบริการ DApps สู่ผู้ใช้งานที่มีอยู่ประมาณ800,000 รายให้ก้าวเข้าสู่โลกของ Lifelong Learning ได้ทันที”“xCHAIN ออกแบบมาให้มีค่าใช้จ่าย (Gas Fee) ที่ไม่ผันผวนและสามารถจับต้องได้ (โดยเฉลี่ยเพียงครั้งละ 10-25 สตางค์)ทำให้ตัดปัญหาเรื่องการปั่นราคาเหรียญที่สำคัญยังช่วยประเมินค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นกับทั้งมหาวิทยาลัยและนักศึกษาล่วงหน้าได้ ทำให้ลดต้นทุนและเวลาของมหาวิทยาลัยได้เป็นอย่างดี” ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน อัมพรสักก์ อังคทะวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัทครีเอทีฟ ดิจิทัล ลีฟวิ่ง จำกัด กล่าวเสริมว่า“จากการทำโฟกัสกรุ๊ปร่วมกับบุคลากรของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เราพบว่าเพนพ้อยท์สำคัญของอาจารย์ผู้สอนคือนักศึกษาทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์
จะมีปัญหาเรื่อง รูปแบบและแพลตฟอร์มที่ใช้ในการเรียนการสอนปัจจุบันมีข้อจำกัดหลายประการ เราจึงได้พัฒนาระบบ LMS ขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์Edu GameFi เพื่อผสานโลกของ การเรียนและการเล่นเกมสองสิ่งมารวมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเรียนการสอนในรูปแบบเกมส์MMORPG

(Massively Onlilne Role Playing Game) ที่มีผู้เล่นจำนวนมากโดยนักศึกษาสามารถสร้างตัวตนเสมือนของตัวเอง เพื่อเข้าไปยัง EducationZone พื้นที่สำหรับการเรียนรู้ ในการทำภารกิจต่างๆ เพื่อให้ได้รับไอเทม (NFTitem) และ ค่าประสบการณ์ต่างๆ (Exp) โดยระบบ Edu GameFi
จะครอบคลุมการทำงานทั้ง 3 ส่วน ได้แก่ Academy System, Lecturer Systemและ Student เน้นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้านการศึกษาด้วยจุดเด่นของฟีเจอร์ที่มีประสิทธิภาพกับ ทั้งฝั่งครูผู้สอนและฝั่งนักศึกษา อาทิระบบ AI ที่ช่วยตรวจงานประเมินและวิเคราะห์พฤติกรรมของนักศึกษาเพื่อช่วยค้นพบตัวตนของตนเองและยังช่วยลดงานในการเตรียมการเรียนการสอนของผู้สอนได้ถึง 20%สามารถใช้เวลาเหล่านั้นไปเติมเต็มศักยภาพให้กับนักศึกษาที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเพื่อน ฯลฯ ขณะเดียวกันฝั่งนักศึกษากว่า 500,000 คนจะมีแรงดึงดูดในการมีปฏิสัมพันธ์กับการเรียนได้ดีขึ้นกว่าเดิมผ่านการที่นักศึกษาจะเข้ามารับภารกิจที่กำหนด และเมื่อทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับ Exp และ NFT Itemเป็นการยืนยันว่าได้สำเร็จภารกิจดังกล่าว และสามารถก้าวไปสู่ภารกิจต่อไปได้ทั้งยังสามารถเรียนและทำงานไปด้วยกันต่อยอดสู่การป้อนทรัพยากรเหล่านี้สู่ตลาดแรงงานได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี

ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการในด้านของการขยายตัวอย่างรวดเร็วของแอนิเวิร์ส เมตาเวิร์ส เราจึงมีการขยายทีมนักพัฒนาให้เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อครอบคลุมดีมานด์ของพันธมิตรทุกรายอีกด้วย”

สำหรับความคืบหน้าของ “แอนิเวิร์ส เมตาเวิร์ส”จากรอบการลงทุนครั้งที่แล้วโครงการมีมูลค่า 300 ล้านบาทซึ่งมีผู้ลงทุนทั้งสถาบันและบุคคลนำโดย บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ และ คุณทาโร่-ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ เป็นต้นปัจจุบันโครงการมีพัฒนาในเชิงการมีส่วนร่วมกับพาร์ทเนอร์ซึ่งมีความครบถ้วนในด้านระบบนิเวศ ทำให้ล่าสุดมูลค่าโครงการขยับไปที่ 1,950 ล้านบาทขณะเดียวกัน ANIV Token สกุลเงินกลางในการแลกเปลี่ยน กำลังพัฒนาเข้าสู่exchange ทั้งรูปแบบ centralized และ decentralized ภายในเดือนกันยายน2565

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยทั้ง 17 แห่งที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ “แอนิเวิร์ส เมตาเวิร์ส”จะได้รับที่ดินฟรี เพื่อร่วมพัฒนาระบบ LMSในการจัดกิจกรรมเพื่อนักศึกษาที่จะกระจายอยู่บนที่ดินสองชุดแรกภายใต้ชื่อ“โพไซดอน” และ “วีนัส”เพื่อตอบสนองกระแสการตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมอย่างล้นหลามพร้อมเปิดให้จับจองที่ดินเพื่อร่วมเดินทางสู่อาณาจักรแห่งโลกการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้ภายในเดือนสิงหาคม 2565โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง :
Website: https://aniv.io/
Facebook: https://www.facebook.com/AnivMetaverse
Instagram:https://www.instagram.com/anivmetaverse
Telegram: https://t.me/anivmetaverse
และ Twitter: https://twitter.com/anivmetaverse